เมษายน 19, 2024, 09:40:54 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: นรกขุมที่5  (อ่าน 7933 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
วิรัติ สีหะนาม
เด็กใหม่
*****

พลังความดี : 0


เพศ: ชาย
อายุ: 55
กระทู้: 12
สมาชิก ID: 1891


อีเมล์
« เมื่อ: มิถุนายน 29, 2012, 05:10:40 PM »

Permalink: นรกขุมที่5
นรกขุมที่5
คืนนั้นกลับจากงาน ก็ล้มตัวลงนอน เกิดอาการเคลิ้มๆไป วูบ ตัวเองไปยืนอยู่ที่ประตูมังกรด้านข้างประตูมีเหมือนมังกรหินพันอยู่2ตัวทั้งสองด้าน เงียบสงัดคลึ้มๆประตูแบบ2บานพับปิด สูงใหญ่มากๆตัวเรานิดเดียวเอง มองขึ้นไปจนสุดด้านบน ทันใดนั้น หัวมังกรหินสีขาว ใหญ่มาก ด้านนึงวูบอ้าปากอันใหญ่เข้ามาฉกตัวผม แว๊ปเดียวตัวผมก็มายืนด้านในประตูโดยที่ไม่ได้เปิดประตู มันแว๊ปเข้ามาหลังโดนมังกรฉก พอเข้ามาด้านใน คนละอย่างกับด้านนอกโดยสิ้นเชิง ด้านในเหมือนมีงานวัด มีมหรสพมากมายผู้คนเดินกันขวักไขว่ ไฟฟ้า หลากสี ละโยงละยาง มีร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านลูกชิ้นปิ้ง ร้านไก่ย่าง ร้านหมูสะเต๊ะ มีร้านผลไม้ เหมือนขายของงานวัดในเมืองมนุษย์นี่แหละครับ ดูคึกคักดี ช่วงนี้รู้สึกตื่นเต้นมากๆ มองไปรอบๆ เห็น ชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน หนังกลางแปลง ดนตรี มีนักร้องกำลังร้องเพลง เป็นเหมือนงานวัดที่ใหญ่มากๆ มีเสียงดัง มีกลิ่นหอมของอาหาร มีร้านขายเสื้อผ้า ของเล่น เหมือนกับเมืองมนุษย์เป๊ะเลยมีบ้านตึกด้านข้างงานมากมายมีซอยระหว่างตึกมีถนนแบ่งเป็นโซนๆเหมือนเมืองมนุษย์เลยมีควันไฟ ตลบ จากการย่าง หมูเห็ดเป็ดไก่ มีกลิ่นหอมยั่วยวน น้ำลายสอ บางคนก็ยืนกิน นั่งกิน บางคนก็ดูหนัง ดูลิเก ขึ้นชิงช้าสรรค์ก็มี บางคนแต่งตัวสวย บางคนเหมือนขอทาน ผมก็เดินดูไปตามทางเรื่อยๆอย่างเพลิดเพลิน เหมือนมีอะไรมาดลใจให้ผมมองไปที่มุมตึกด้านซ้ายมือผมเป็นซอยเล็กๆมืดๆด้านซ้ายมือผม ผมเจอคนๆนึงเดินเข้ามาทักผมซึ่งผมจำได้ดีเพราะเค้าคือพ่อผมที่ได้ตายไปหลายสิบปีแล้ว เอ้าวิรัติ มาได้ยังไงเนี๊ยท่านทัก ท่านใส่กางเกงขาสั้น เสื้อลายดอกแต่ที่ปลายชายเสื้อขาดรุ่งริ่ง เดินนำหน้าผม ท่านก็เริ่มเล่าให้ฟังว่าคนที่นี่ ไม่ได้ใช้ตังค์ แต่ใช้บุญกุศลที่เคยทำในเมืองมนุษย์ก่อนที่จะตาย ในการดำรงชีวิตที่นี่   ผมสังเกตุดูรอบๆตัว คนไหนแต่งตัวดีใส่ทองใส่เพชรมีลูกน้องเดินตามจะกินจะเอาอะไร ก็กินก็เอามาใส่มาใช้ได้เลย เหมือนเค้าเอาบุญจ่ายกัน คนที่ขายของก็หยิบยืนให้โดยที่ก็ไม่เห็นมีสตางค์จ่ายแต่ก็ให้ของสิ่งนั้นไปใช้ไปกินอย่างง่ายดายกลับกันคนแต่งตัวมอซอ จะกินอะไรจะเอาอะไร ไม่มีใครเขาให้กิน แม้แต่ลิเก หรือหนังกลางแปลง ก็ไม่อาจหันหน้าหรือเงยหน้าไปดูได้ต้องก้มหน้า รอเค้าโยนเค้าทิ้งจึงวิ่งแย่งเก็บกิน จากคนมากมาย ที่กรูเข้ามาแย่งด้วยความหิวโหย ดูแล้วสังเวชใจแต่คนที่ทำบุญมาเยอะเค้ามีเก้าอี้นั่งอย่างดีดูหนัง ลิเก รอบตัวมีแต่ของกินของใช้มากมายล้นเหลือคณาดูยิ้มแย้มมีความสุข สรุปแล้วเค้าใช้บุญเก่า ซื้อความสุข  จากของกินเสื้อผ้า มหรสพ อื่นๆด้วยบุญอย่างเดียวคนมีบุญน้อย ก็เหมือนคนจน คนมีบุญมากก็เหมือนคนรวยผมเห็น บางคนโยนเศษอาหารจากที่เหลือกินมาให้บนพื้นดิน คนมากมายแต่งตัวมอซอ แย่งอาหาร กินอย่างคนหิวโหย ดูทุเรศ บางครั้งแย่งจากปากสุนัขก็มี คนบุญน้อยเห็นเค้าย่างไก่ ก็ไม่สามารถไปหยิบไก่เค้ามากินได้ แต่คนบุญมาก จะเอาอะไรก็ได้แต่ต้องใช้ก่อนกินก่อนเหลือเศษ จึงจะโยนสิ่งนั้นลงพื้น คนบุญน้อยแต่ถือว่ายังพอมีบุญแย่งมากินได้ แต่คนบุญน้อยบางคน แม้แต่กระดูกไก่บนพื้นดินก็ยังไม่อาจกินได้ มองดูเค้ากินน้ำลายไหล ท้องร้องโจ๊กๆน้ำตาไหล ดูแล้วทรมานมากๆครับสงสารเลย แววตาละห้อยด้วยความวิงวอน ผอมเหลือแต่กระดูกพ่อผมก็เล่าไป ส่วนสายตาผมก็สังเกตุพ่อไปด้วย พ่อผมน่าจะอยู่เป็นคนชั้นระดับกลางในที่นี้ เห็นชายเสื้อพ่อขาดเป็นริ้ว แต่ก็ยังดูใหม่สดใส สะอาด พ่อผมคนนี้ไม่อาจจะหันหน้าดู หนังดูลิเกได้เลย คงจะบุญน้อยไป ไม่พอที่จะดูหนัง พอได้กินไปวันๆ ก็คงยังลำบากอยู่ผมสังเกตุและคิดไป พ่อก็เล่าและเดินไปเรื่อยๆนำหน้าผมไป สักครู่ พ่อผมก็บอกว่าเดี๋ยวจะพาไปหาคนคนหนึ่งซึ่งผมรู้จักเป็นอย่างดีพ่อไปหยุดยืนหลังคนคนหนึ่งซึ่งนั่งบนโต๊ะข้างโต๊ะมีไข่ต้มปลอกแล้ว กระมังใหญ่เค้ากำลังกินไข่อย่างช้าๆซึ่งดูแล้วผมว่าเค้าจะเบื่อไข่มากแต่ก็ต้องกิน เค้ากำลังดูหนังกลางแปลงอยู่ พ่อผมเรียกเค้า เค้าหันหน้ามาผมตกใจ เค้าคือพ่อเลี้ยงผมอีกคนที่ตายไปไม่กี่เดือนมานี้เอง เค้าตกใจเหมือนกันที่เห็นผม เค้า คิดว่าผมตายแล้ว เค้าถามว่ามาได้ยังไงกัน ผมเจอพ่อจริงกับพ่อเลี้ยงที่ตายห่างกันเป็นสิบปีมาอยู่ด้วยกันพ่อเลี้ยงผมจะดูดีกว่าพ่อจริงๆผม เหมือนมีบุญเยอะกว่าหน่อยนึง แต่จะแบ่งบุญให้กันไม่ได้ของใครของมัน ผมก็คุยกับพ่อทั้งสองไปมา จำไม่ได้มากนัก ผมมองไข่ต้มข้างตัวพ่อเลี้ยงปลอกแล้วขาวเป็นร้อยๆลูกพลันก็นึกขึ้นได้ ตอนที่พ่อจริงๆผมตาย พ่อเลี้ยงมาช่วยงานศพพ่อจริงๆ ได้จัดอาหารถวายพระจะไม่ทันเพล จึงได้เหมาไข่พะโล้แม่ค้าตลาดหลายหม้อวันนั้นพระฉันท์ไข่พะโล้ เป็นอาหารหลักเลยบุญอันนั้นจึงทำให้พ่อเลี้ยงผมมีไข่อยู่ข้างๆแต่ก็มีแต่ไข่ พ่อเลี้ยงพูดว่าที่หลังอย่ามาที่นี่อีกไม่ดีซักพักผมก็ถามพ่อเลี้ยงว่า ที่นี่ที่ไหนครับพ่อ พ่อผมบอกชัดเจนจนทุกวันนี้จำไม่ลืม ที่นี่คือ นรกขุมที่5 ลูก กลับไปซะ แค่นั้นแหละ ผมลืมตาโพล่งทันที เหงื่อแตก ในห้องนอน ผมกลับมาโลกมนุษย์แล้ว อ๋อนรกขุมที่5เป็นอย่างนี้เองตอนเช้าผมไปทำบุญ ให้กับพ่อทั้งสอง เอาเสื้อผ้าไปบริจาค แล้วอุทิศให้กับพ่อ ขอสาบานว่าเรื่องนี้คือเรื่องจริงครับ อาจจะขาดเกินผิดเพี้ยนไปบ้างเพราะนานมาแล้ว แต่ก็ประมาณนี้ครับ!!!




บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


บทความและไฟล์ภาพ ในเว็บไซต์แห่งนี้อาจนำมาจากเว็บไซต์อื่นๆ ที่ทีมงานคิดว่ามีประโชยน์ต่อผู้อ่าน โดยให้ผู้อ่านเกิดควมบันเทิง และให้ความรู้ โดยที่เราจะให้เครดิตทุกครั้งที่นำมา หากไฟล์ภาพหรือบทความใด ที่เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ต้องการให้นำมาแสดง โปรดแจ้งมาที่ tumcomputer@hotmail.com ทางทีมงานจะได้นำบทความนั้นออกทันที ขอบคุณครับ


เว็บนี้จัดทำโดย นายสุรัตน์ ศรลัมภ์ และครอบครัว อุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร และผู้มีพระคุณ

HTML Hit Counters
Powered by SMF 1.1.17 | Simple Machines|Copyright © 20010 BY : thammaonline.com
บทความธรรมะรวมเรื่องกฏแห่งกรรมสมาธิ วิปัสนากรรมฐานพลังจิตกระดานถาม-ตอบ Sitemap

Google มาเยี่ยมเว็บเมื่อ มีนาคม 28, 2024, 03:20:51 PM