เมษายน 19, 2024, 10:35:31 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2  ทั้งหมด   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ใครรู้เรื่องการปฎิบัติวิปัสสนาบ้างคร  (อ่าน 53300 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
man123
เด็กใหม่
*****

พลังความดี : 22


เพศ: ชาย
อายุ: 29
กระทู้: 35
สมาชิก ID: 1324


« เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2012, 07:49:23 PM »

Permalink: ใครรู้เรื่องการปฎิบัติวิปัสสนาบ้างคร
ผมได้ปฎิบัติวิปัสสนามาเป็นเวลานานพอสมควรแล้วครับ คือการรู้รูป/นามหรือกาย/ใจ 
ทางกายก็คือตามรู้อาการเคลื่อนไหวของร่างกาย และการรู้รูป ยืน เดิน นั่ง นอน
ทางใจก็คืออาการต่างๆเช่นตามรู้อาการ โกรธ เศร้า ดีใจ เสียใจ ท้อแท้ สงบ  และอื่นๆอะครับ 
แล้วเมื่อปฎิบัติมากพอก็จะเกิดปัญญาคือเห็นความไม่เที่ยง เห็นการการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของรูปนามอะครับ แต่ผมปฎิบัติมาได้สักพักแล้วแต่ยังไม่เกิดปัญญาหรือเห็นอะไรเลยอะครับ ใครทราบเรื่องการปัฎิบัติวิปัสสนาช่วยแนะนำหน่อยครับ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 31, 2012, 07:51:22 PM โดย man123 » บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2012, 10:00:09 PM »

Permalink: ใครรู้เรื่องการปฎิบัติวิปัสสนาบ้างคร
กระผมเคยบอกท่านแล้วสหาย  ว่ามันจะกลับมาหลอนท่านอีก  นั้นคือวังวลแห่งอัตตา  ท่านลองคิดดูสิในเมื่อเราใช้อัตตากำหนด  แล้วเราจะเห็นอะไร  นอกจาก  อัตตาที่เรากำหนด  อย่างดีเราก็เห็นในความไม่เที่ยงของการเกิดดับในอัตตาในสิ่งที่เรากำหนด  แต่มันก็เป็นถนนสู่นิภพิธาณาน  ที่จะเดินไปสู่กระบวนการของนิพพาน  วิธีการดั่งกล่าวต้องใช้กำลังของสมาธิช่วย  สมาธิที่เกิดจากปลีกวิเวก  และความเพียร  ท่านกล้าที่จะออกบวชและปลีกวิเวกเพื่อทำความเพียรหรือเปล่า  ถ้าท่านกล้าไม่นานดอกท่านจะเข้าใจในธรรมชาติของชีวิต   ..แต่ถ้าเรายังเป็นผู้ที่ดำรงค์ชีวิตที่เกี่ยวเนื่องในสถานะของสังคมของชีวิต  เราต้องเปลี่ยนวิถีการของการปฏิบัติ  เพื่อให้มันสอดคล้องกันกับชีวิตประจำวันในปัจจุบัน.....สัมมาทิฎฐิ....
บันทึกการเข้า
man123
เด็กใหม่
*****

พลังความดี : 22


เพศ: ชาย
อายุ: 29
กระทู้: 35
สมาชิก ID: 1324


« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 04, 2012, 10:57:01 AM »

Permalink: ใครรู้เรื่องการปฎิบัติวิปัสสนาบ้างคร
ขอบคุณครับ ผมรู้ครับว่าคุณปฎิบัติคนละวิธีกับผมขอผู้รู้คนอื่นมาช่วยแนะนำหน่อยครับ
บันทึกการเข้า
เกียรติคุณ
ผู้ปฏิบัติธรรม
*****

พลังความดี : 65


เพศ: ชาย
อายุ: 46
กระทู้: 958
สมาชิก ID: 841


« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2012, 11:22:00 AM »

Permalink: ใครรู้เรื่องการปฎิบัติวิปัสสนาบ้างคร
คุณพิจารณาระลึกรู้สภาพจริงแล้วหรือยังครับ หรือ ที่รู้สึกเป็นขณะที่รู้ในความคิดที่เป็นความปรุงแต่งกุศลจิต และ อกุศลจิตอยู่ เช่น
1. ระดับความคิด
1.1 เมื่อคุณคิดในเรื่อง รัก โลภ โกรธ หลง เมื่อรู้ทันตาม นี่เรียกว่า รู้ในสภาพความคิดที่เป็น อกุศลจิต
1.2 เมื่อคุณคิดในเรื่องที่ เป็นไปเพื่อความปารถนาดี เอื้อเฟื้อ อนุเคราะห์ แบ่งปัน ไม่พยาบาทเบียดเบียนต่อผู้อื่น นี่เป็นความคิดที่เป็น กุศลจิต

ในข้อที่ 1 นี้คือเรียนรู้ทันในความตรึกนึกคิด

2. รับรู้สภาพจริงใน เวทนานุสติปัฏฐาน และ จิตตานุสติปัฏฐานเบื้องต้น (ห้ามไปจดจ้องเด็ดขาดต้องรู้ตามความรู้สึกนึกคิดที่เกิดเท่านั้น)
2.1 เมื่อเกิดความคิดอยาก ปารถนา ใคร่ได้ ต้องการ พอใจยินดี ให้ดูรู้สภาพจิตความรู้สึกว่า อยู่ในสภาพใด เช่น อัดทะยาน กรีดพุ่ง ระส่ำระส่ายกาย-ใจ หวีดโหยกรีดเข้าที่ทรวงอกหรือลำคอ จิตไปจับจุดที่กระตุ้นจดจ่ออยู่ในส่วนใดเป็นต้น
2.2 เมื่อเกิดความคิดโกรธ เคียดแค้น ไม่พอใจยินดี ให้ดูรู้สภาพความรู้สึกว่า อยู่ในสภาพใดๆ เช่น อึดอัดใจ ขุ่นเคืองใจ ขัดข้องใจ ขุ่นมัวใจ คับแค้นใจ กรีดหวีดอัดในใจ เป็นต้น
2.3 เมื่อเกิดความคิดเลื่อนลอย ซึมเฉย นิ่งเฉยต่อความมีสติระลึกรู้พิจารณาแยกแยะถูกผิด ให้ดูรู้สภาพความรู้สึกว่า อยู่ในสภาพใด เช่น เฉยๆ ไม่อบอุ่น ไม่สงบ ไม่ผ่องใส ไม่เบาบาง มีความหมองใจ เป็นต้น
2.3 เมื่อเกิดความคิดที่ปารถนาดี เอื้อเฟื้อ อนุเคราะห์ แบ่งปัน ไม่พยาบาทเบียดเบียนต่อผู้อื่น ให้ดูรู้สภาพความรู้สึกว่า ขณะจิตนั้นสงบ โล่งว่างผ่องใส เบาบาง อบอุ่น มีความติดข้องใจอยู่ไหม ตัดขาดความรู้สึกเช่นไรบ้าง

ในข้อที่ 2 นี้คือเรียนรู้ในสภาพปรมัตถธรรม และ แยกแยะ ความรู้สึกที่เป็น กุศลจิต และ อกุศลจิต

3. เรียนรู้เอาสภาพปรมัตที่ตัดขาดจากบัญญัติ
 โดยรู้ตามแค่ความรู้สึกว่าขณะนั้นรู้สึกเช่นไร โดยไม่ต้องไปให้ชื่อรียกมันว่าสภาพนั้นเป็น รัก โลภ โกรธ หลง เป็นกุศล หรืออกุศล ไม่ต้องให้ชื่อเรียกสภาพนั้นว่าอะไร คือ ไม่ต้องไม่เรียกชื่อมันว่ามันอัดอั้น ทะยาน สงบ หรืออะไร แค่จับความรู้สึกสภาพปรมัตถธรรมนั้นไป แล้วพึงระลึกรู้ตรึกนึกคิด (บริกรรมในใจ) ตามสติที่รู้ทันความรู้สึกนั้นๆที่เกิดขึ้น ที่ยังคงตั้งอยู่ เพียงแค่ว่า รู้สึกๆ หรือ รู้สึกหนอๆ เมื่อมันดับสภาพนั้นไปก็พึงระลึกรู้ว่า ดับหนอๆ เป็นต้น

ในข้อที่  นี้คือเรียนรู้การรับแค่สภาพที่เป็นปรมัตถธรรมโดยตัดขาดจากสมมติบัญญัติ

4. เรียนรู้สิ่งที่เป็นสมุทัย (สติระลึกรู้ในสภาพที่เกิดขึ้น มีวิตกเจตสิกที่เป็นกุศลรู้ตามด้วยปัญญา)
4.1 เมื่อคิดในรัก โลภ โกรธ หลง อยู่นั้นให้ตรึกนึกย้อนทวนพิจารณาดูว่า ที่เกิดความคิดเช่นนั้น เพราะไปรับรู้อารมณ์อะไรในสิ่งมากระทบสัมผัสให้รับรู้ เช่น รูป เสียง กลิ่น รส การกระทบสัมผัสทางกาย หรือ ธัมมารมณ์
4.2 เมื่อเกิดความอัดอั้น คับแค้น กรีด อึดอัด อัดทะยาน ระส่ำระส่ายใดๆ ให้พึงมองย้อนว่าเพราะสิ่งใดเป็นเหตุ  เพราะไปรับรู้อารมณ์อะไรในสิ่งที่รับรู้มาจากทางทวารทั้ง 6 คือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ
4.3 เมื่อรู้ในทั้ง 2 ข้อข้างต้น ให้ทวนระลึกรู้ว่า เมื่อรับรู้อารมณ์แล้ว เราเกิดความรู้สึกนึกคิดเช่นไร จนเอามาเสพย์เสวยอารมณ์เป็น สุข-ทุกข์ ทางกาย และ พอใจยินดี-ไม่พอใจยินดี ทางใจ
4.4 เมื่อเรารู้อารมณ์ใดๆ ทำไมเราเสพย์เสวยอารมณ์เป็น สุข-ทุกข์ ทางกาย และ พอใจยินดี-ไม่พอใจยินดี ทางใจ  เราไปปรุงแต่งจดจำให้ความสำคัญมั่นหมายของใจไว้กับสิ่งนั้นว่าอย่างไร

ในข้อที่ 4 นี้จะเริ่มคิดหาเหตุปัจจัยของสิ่งที่ดำเนินไปเป็นผลให้เรารู้สึกรับรู้ เรียนรู้ลำดับสิ่งเกิดขึ้นก่อนหลัง และสิ่งที่เป็นสมุทัยที่เรารับรู้ได้และเห็นได้

** หมายเหตุ อารมณ์ทางธรรม กับ อารมณ์ทางโลกต่างกันนะครับ จิตรู้สิ่งใด สิ่งนั้นเป็นอารมณ์ทางธรรม ธรรมมารมณ์คือ สิ่งที่จิตรู้ จิตปรุงแต่ง สังขาร บัญญัติ เป็นต้น

เมื่อคุณทำทั้ง 4 ข้อจนคล่องแล้ว ขอให้คุณมาตอบคำถามว่า ที่เสพย์เสวยอารมณ์เป็นเพราะอะไร จิตมันไปรับรู้อารมณ์ตรึงอยู่สภาพไหนจึงเกิด ความปรุงแต่งและเวทนาขึ้นมา




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 10, 2012, 11:24:13 AM โดย เกียรติคุณ » บันทึกการเข้า
man123
เด็กใหม่
*****

พลังความดี : 22


เพศ: ชาย
อายุ: 29
กระทู้: 35
สมาชิก ID: 1324


« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2012, 06:35:09 PM »

Permalink: ใครรู้เรื่องการปฎิบัติวิปัสสนาบ้างคร
ขอบคุณมากครับ โดยสรุปก็คือตามรู้กายหรือใจตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไปเรื่อยๆ แต่ต้องใช้เวลาแล้วปัญญาจะเกิดเองหรือจะรู้สิ่งต่างๆตามความเป็นจริงเองใ่ช่ไหมครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 10, 2012, 06:43:23 PM โดย man123 » บันทึกการเข้า
เกียรติคุณ
ผู้ปฏิบัติธรรม
*****

พลังความดี : 65


เพศ: ชาย
อายุ: 46
กระทู้: 958
สมาชิก ID: 841


« ตอบ #5 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2012, 07:41:11 PM »

Permalink: ใครรู้เรื่องการปฎิบัติวิปัสสนาบ้างคร
ในความเข้าใจของผมนะครับอาจจะไม่คลอบคลุดทั้งหมดต้องเรียนรู้จากท่านอื่นเพิ่มเติมด้วยนะครับ การที่จะเห็นสภาพจริงๆได้ช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับว่า
- คนๆนั้นมีกำลังจิตสะสมมากพอไหม ๑ (ที่ต้องทำสมาธิให้ถึงอัปนาสมาธิ ถึงเอกัคคตา ให้มีกำลังมากแล้วค่อยถอยมาอุปจารสมาธิพิจารณาด้วยปัญา เพราะจิตจะไม่สัดส่าย พระพุทธเจ้าจึงให้ดำเนินไปในสมถะและวิปัสนาควบกัน เพื่อความไม่จมดิ่งติดสุขจากความว่างของสมถะและมีกำลังจิตพอเห็นตามจริง)
- คนๆนั้นติดอยู่กับความคิดมากน้อยไหม ๑ (หากคิดน้อยก็รู้ตามได้มาก คิ ดมากก็รู้ได้แต่จิตที่จดจ้องทางความคิด)
- ปัญญาเกิดขึ้นเมื่อเห็นในสภาพปรมัตถธรรมแล้วมันไม่มีสิ่งที่น่าใคร่ได้ยินดี ไม่ควรแก่ความทะยานต้องการ มันไม่มีประโยชน์ใดๆแก่เรา มันเป็นเพียงกองทุกข์ที่เราสมมติขึ้นมา นี่คือปัญญาในระดับเบื้องต้นเท่านั้น มีดำเนินไปอีกหลายขั้น เห็นเหตุ เห็นปัจจัย เห็นความสัมพันธ์เกี่ยวข้องดำเนินไปถึงผลตามจริง จนเห็นความไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน เกิดมา ตั้งอยู่ ดับไป เห็นสภาวะเกิดและกำลังเกิด

- เรื่องปัญญาพูดเหมือนยาก แต่ก็เกิดไม่ยาก พูดเหมือนง่ายแต่ก็เห็นได้ยาก ปัญญาทางสมถะ(สมถะญาณ)จะมีบัญญัติติดอยู่ คือ เห็นความเกิดมา ตั้งอยู่ ดับไป เห็น ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แต่ยังเอ่ยขึ้นเป็นชื่อเรียกนั้นๆเข้าถึงความเป็นกุศลจิต และ ความว่างได้ ปัญญาทางวิปัสนาจะเห็นสภาพตามจริงตัดขาดจากบัญญัติ เห็นความไม่มีตัวตน ไม่เที่ยง ไม่คงอยู่ ไม่มีตัวตนบุคคลใด ไม่มีเขา ไม่มีเรา มีเพียยง รูปธาตุ นามธาตุ หรือ รูปธรรม นามธรรม ไม่ก่อเกิดความติดข้องใจสิ่งใด หมดความเป็นตัวเป็นตน
- ยิ่งอยากได้ ยิ่งจดจ้องเอามันยิ่งห่าง เพราะตัณหา อุปาทานจะเข้ามาปิดบังปัญญา

- ตอนนี้ผมเข้าใจว่าคุณเห็นสภาพจริง แต่ยังให้ความหมายบัญญัติตามสิ่งที่รู้อยู่ไม่ขาด ยังมีความตรึกนึกประกอบขึ้นเป็นหลักอยู่ เรียนรู้ข้อธรรมใดข้อธรรมหนึ่งจากพุทธพจน์ หรือ พุทธวจนะ หรือ แนวทางธรรมใดๆที่คุณมองว่าเป็นจริงและพอใจยินดีในข้อธรรมนั้นๆนำขึ้นมาพิจารณาประกอบกับการปฏิบัติกระทำตามข้อที่ 3-4 จนเห็นแน่ชัดและนานขึ้นและเกิดขึ้นได้บ่อย แล้วคุณมาตอบคำถามผมก่อนว่า ที่เสพย์เสวยอารมณ์เป็นเพราะอะไร จิตมันไปรับรู้อารมณ์ตรึงอยู่สภาพไหนจึงเกิด ความปรุงแต่งและเวทนาขึ้นมา หากคุณตอบได้แสดงว่าปัญญาญาณ หรือ วิปัสนาญาณขั้นต้นเกิดขึ้นแก่คุณแล้ว ส่วนวิถีปฏิบัติของผมก้มีเห็นจากการระลึกรู้พิจารณาในกัมมัฏฐาน เป็นสิ่งที่ได้จากกัมมัฏฐานและมีครูบาอาจารย์หรือผู้รู้ชี้แนะร่วมกันเป็นแนวทางของผมมออกมา แล้วผมจะให้ดูภายหลังครับขอให้คุณปฏบัติจนตอบคำถามได้ก่อน และ สามารถแยกกุศลจิต และ อกุศลจิตได้

- โดยส่วนตัวผมเองก็รู้เห็นได้ไม่มากนัก ยังเป็นแค่เศษธุลีฝุ่นที่ท่านอื่นๆหรือครูบาอาจารย์ท่านรู้ ยิ่งเมื่อนึกถึงสิ่งที่องค์พระตถคตรู้เห็นยิ่งไม่เห็นฝุ่นเลย ยังเป็นผู้ที่ยังต้องศึกษาเรียนรู้ปฏิบัติเพิ่มเติมอีกมาก อาจจะไม่สามารถบอกกล่าวสิ่งที่คุณรู้ได้ทั้งหมด หรือ ผมอาจจะรู้ไม่ถึงคุณเลยแม้แต่นิดเดียวก็เป็นได้ หากแนวทางใดๆที่ผมโพสท์บอกกล่าวไม่ก่อเกิดประโยชน์ใดๆแก่คุณผมก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 10, 2012, 08:12:11 PM โดย เกียรติคุณ » บันทึกการเข้า
man123
เด็กใหม่
*****

พลังความดี : 22


เพศ: ชาย
อายุ: 29
กระทู้: 35
สมาชิก ID: 1324


« ตอบ #6 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2012, 08:14:56 PM »

Permalink: ใครรู้เรื่องการปฎิบัติวิปัสสนาบ้างคร
เท่าที่ผมรู้มาจากการปฎิบัติของผมนะครับ
ที่เสพย์เสวยอารมณ์เพราะมาจากการรับรู้ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพราะ จิตไม่ใช่ของเราเขากระทำของเขาเอง ใช่หรือปล่าวครับ
จิตมันไปรับรู้อารมณ์ตรึงอยู่ในสภาพไหนจึงเกิด ยังไม่ทราบอะครับ

ไม่เป็นไรครับผมขอแค่คำแนะนำที่ดี

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 10, 2012, 08:20:38 PM โดย man123 » บันทึกการเข้า
เกียรติคุณ
ผู้ปฏิบัติธรรม
*****

พลังความดี : 65


เพศ: ชาย
อายุ: 46
กระทู้: 958
สมาชิก ID: 841


« ตอบ #7 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2012, 09:36:40 PM »

Permalink: ใครรู้เรื่องการปฎิบัติวิปัสสนาบ้างคร
ที่เสพย์เสวยอารมณ์เป็นเพราะอะไร เพราะสลายตนะเป็นประตูให้จิตรับรู้อารมณ์ ถูกต้อง ครับ

แล้วอีกคำถามที่ถามไว้ล่ะครับว่า

- จิตมันไป รับรู้อารมณ์แล้วตรึงอยู่สภาพไหน จึงเกิดเป็นเวทนา

ทั้ง 2 ข้อถามคล้ายกันมาก แต่จะมีความดำเนินไปเป็นลำดับที่ต่างกันแต่ทั้งหมดจะวนเป็นวงจรหากันตัดขาดกันและกันไม่ได้ ซึ่งคำถามทั้ง 2 ข้อนี้เป็นเบื้องต้นที่เราสามารถจะรับรู้ได้เมื่อจิตมีกำลังวิปัสนา ต้องรู้เองนะครับ ห้ามไปหาดูทาง Net มันจะเป็นปัญญาตัวแรกที่ทำให้คุณรู้ และดำเนินไปถึงกานแยกในสภาพจิตที่เป็นกุศลและอกุศลของฉันทะที่เกิดประกอบใน ความโลภ กับ เมตตา
บันทึกการเข้า
man123
เด็กใหม่
*****

พลังความดี : 22


เพศ: ชาย
อายุ: 29
กระทู้: 35
สมาชิก ID: 1324


« ตอบ #8 เมื่อ: สิงหาคม 11, 2012, 12:29:13 PM »

Permalink: ใครรู้เรื่องการปฎิบัติวิปัสสนาบ้างคร
ขอบคุณครับก็คือต้องมีสติระลึกรู้สภาพที่เกิดขึ้นจริงกับตนเองไปเรื่อยๆใช่ไหมครับจึงจะรู้และเกิดปัญญามากขึ้นเรื่อยๆจะรู้ความจริงมากขึ้นเรื่อยๆใช่ไหมครับ
บันทึกการเข้า
เกียรติคุณ
ผู้ปฏิบัติธรรม
*****

พลังความดี : 65


เพศ: ชาย
อายุ: 46
กระทู้: 958
สมาชิก ID: 841


« ตอบ #9 เมื่อ: สิงหาคม 11, 2012, 04:44:47 PM »

Permalink: ใครรู้เรื่องการปฎิบัติวิปัสสนาบ้างคร
ที่คุณกล่าวมาข้างต้น เป็นจริงเช่นนั้นครับ แต่คำถามที่ผมถามคุณยังไม่สามารถตอบได้

งั้นผมขอกล่าวคร่าวๆละกันนะครับแล้วลองไปสังเกตุดูนะครับ


- เมื่อคุณรู้อารมณ์ทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ สิ่งแรกที่จิตคุณจะตรึงอยู่คืออะไรครับ
- ความติดข้องใจใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฐฐัพพะ ธัมมารมณ์ ใช่ไหมครับ
- เช่น เริ่มแรกที่คุณมองออกไปเจอวัณณะรูป(สิ่งที่เห็นทางตา) สภาพแรกคุณก็แค่รับรู้เห็นภาพ เมื่อเห็น ภาพ+สัญญา คุณก็จะรู้ทันทีว่านั่นคือ คน สาวๆ สัตว์ สิ่งของ คุณก็จะเริ่มจ้องมองดูใช่ไหมครับ (สภาวะนี้คือความติดข้องใจ คือ อยากและต้องการที่จะรับรู้สัมผัส) เมื่อมองดูรับรู้เสร็จก็จะเกิดสืบต่อกับความสำคญมั่นหมายของใจ(สัญญาที่เราตั้งมั่นหมายจดจำเอาไว้) ว่า สิ่งนี้สวย ไม่สวย ชอบ ไม่ชอบ แล้วก็สืบต่อเป็นเวทนา เป้น โสมนัส โทมนัส สุข ทุกข์

คำตอบในสิ่งที่ผมถามคุณก็คือ ความติดข้องใจ นั่นเองครับ ซึ่งจริงๆแล้วมันก็คือ โลภะ ที่เกิดประกอบกับจิตนั่นเองครับ

Lesson 2 คุณลองระลึกรู้พิจารณาดูนะครับว่า เท่าที่คุณดำเนินไปในชีวิตประจำวัน คุณติดข้องใจกี่ครั้ง แล้วติดข้องใจกี่อย่าง อะไรบ้าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 11, 2012, 04:47:01 PM โดย เกียรติคุณ » บันทึกการเข้า
man123
เด็กใหม่
*****

พลังความดี : 22


เพศ: ชาย
อายุ: 29
กระทู้: 35
สมาชิก ID: 1324


« ตอบ #10 เมื่อ: สิงหาคม 11, 2012, 07:22:15 PM »

Permalink: ใครรู้เรื่องการปฎิบัติวิปัสสนาบ้างคร
ถ้าทำเป็นขั้นตอนก็จะเกิดปัญญาแต่ละระดับใช่ไหมครับ แต่ถ้าระลึกรู้พิจารณาความจริงที่เกิดขึ้นกับตนก็สามารถเกิดปัญญาได้เหมือนกันและปัญญาที่เกิดขึ้นก็จะเหมือนกันใช่ไหมครับ ผมเคยอ่านมาว่าการปฎิบัติทำได้หลายแบบเหมือนเข้าประตู4ทิศเข้าอันใดอันหนึ่งก็ได้ แต่ปลายทางจะเป็นที่เดียวกัน และที่คุณกล่าวมาผมลองสังเกตุดูมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆครับ
และหลักๆของวิปัสสนาก็คือการระลึกรู้รูปนาม หรือตามรู้กายหรือใจในปัจจุบันใช่ไหมครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 11, 2012, 07:27:08 PM โดย man123 » บันทึกการเข้า
เกียรติคุณ
ผู้ปฏิบัติธรรม
*****

พลังความดี : 65


เพศ: ชาย
อายุ: 46
กระทู้: 958
สมาชิก ID: 841


« ตอบ #11 เมื่อ: สิงหาคม 11, 2012, 09:43:17 PM »

Permalink: ใครรู้เรื่องการปฎิบัติวิปัสสนาบ้างคร
- ครับ ที่คุณแมนกล่าวมาก็ใช่ครับ
- คุณลองพิจารณาไปเรื่อยๆ ให้รู้ทันความปรุงแต่งจิตมากขึ้น จิตจดจ่อได้นานขึ้น รู้เหตุและปัจจัยที่ทำให้เราเกิดสภาพนั้นๆได้มากขึ้น รู้ทางดับหรืออริยะมรรคที่ถูกต้องไม่ผิดทาง มีความปล่อยวางมากขึ้น อัตตา-มานะทิฐิ-อุปาทาน-ตัณหา-ลดลง ตัดความคิดความจดจำจากสภาพนั้นๆที่รับรู้และรู้สึกได้มากขึ้น มองเห็นปรมัตถธรรมตามจริง ความไม่ติดข้องใจจะเกิดขึ้นแก่เรา นี่ก็แสดงว่าปัญญาเกิดขึ้นแก่เราแล้วในระดับหนึ่ง
- จนเห็นทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีตัวตน บุคคล สิ่งของ ไม่มีสิ่งได้คงอยู่ ไม่มีสิ่งใดไปยื้อบังคับได้ ทุกอย่างเกิดมา ตั้งอยู่ ดับไป สิ่งใดที่เป็นไปตามปัจจัยนี้สิ่งนั้นเป็นทุกข์เสมอ  ปัญญาในระดับที่สูงขึ้นก้อจะเกิดขึ้นแก่คุณครับ

สิ่งที่ผมรู้เห็นนั้นเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวขี้ผมของครูบาอาจารย์และผู้รู้ทั้งหลาย ยังต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกมากมาย คงสนทนากับคุณและตอบคำถามได้ไม่ถึงที่สุดดั่งที่ต้องต้องการได้ ผมก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ

สุดท้ายก็ขอให้คุณตั้งใจศึกษาและเข้าถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ได้ในเร็ววันครับ สาธุ สาธุ บุญใดผมเผยแพร่พระพุทธศาสนามา ขอให้ส่งผลให้คุณได้ถึงธรรมได้ธรรมหนึ่งในชาตินี้ครับ สาธ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 11, 2012, 10:04:39 PM โดย เกียรติคุณ » บันทึกการเข้า
man123
เด็กใหม่
*****

พลังความดี : 22


เพศ: ชาย
อายุ: 29
กระทู้: 35
สมาชิก ID: 1324


« ตอบ #12 เมื่อ: สิงหาคม 12, 2012, 10:05:09 AM »

Permalink: ใครรู้เรื่องการปฎิบัติวิปัสสนาบ้างคร
ขอบคุณครับคุณเกียรติคุณที่ช่วยมาแนะนำการปฎิบัติต่างๆ สรุปก็คือการปฎิบัติต้องใช้เวลาและมีความเพียรปฎิบัติธรรมในทางที่ถูก ผมก็ขอให้คุณเกียรติคุณโชคดีและได้ถึงธรรมในชาตินี้เช่นกันครับ สาธุ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 12, 2012, 10:09:22 AM โดย man123 » บันทึกการเข้า
เกียรติคุณ
ผู้ปฏิบัติธรรม
*****

พลังความดี : 65


เพศ: ชาย
อายุ: 46
กระทู้: 958
สมาชิก ID: 841


« ตอบ #13 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2012, 12:21:58 PM »

Permalink: ใครรู้เรื่องการปฎิบัติวิปัสสนาบ้างคร
คุณแมน ลองอ่านวิธีตัดบัญญัติของพระครูเกษมดูนะครับ ท่านเป็นผู้ปฏิบัติแยกรูป-นามได้ตรงตามพระไตรปิฎกที่สุด

http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/pk_kasem/pk-kasem_22.htm
บันทึกการเข้า
man123
เด็กใหม่
*****

พลังความดี : 22


เพศ: ชาย
อายุ: 29
กระทู้: 35
สมาชิก ID: 1324


« ตอบ #14 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2012, 06:47:52 PM »

Permalink: ใครรู้เรื่องการปฎิบัติวิปัสสนาบ้างคร
ขอบคุณครับคุณเกียรติคุณ บทความเป็นประโยชน์มากครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


บทความและไฟล์ภาพ ในเว็บไซต์แห่งนี้อาจนำมาจากเว็บไซต์อื่นๆ ที่ทีมงานคิดว่ามีประโชยน์ต่อผู้อ่าน โดยให้ผู้อ่านเกิดควมบันเทิง และให้ความรู้ โดยที่เราจะให้เครดิตทุกครั้งที่นำมา หากไฟล์ภาพหรือบทความใด ที่เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ต้องการให้นำมาแสดง โปรดแจ้งมาที่ tumcomputer@hotmail.com ทางทีมงานจะได้นำบทความนั้นออกทันที ขอบคุณครับ


เว็บนี้จัดทำโดย นายสุรัตน์ ศรลัมภ์ และครอบครัว อุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร และผู้มีพระคุณ

HTML Hit Counters
Powered by SMF 1.1.17 | Simple Machines|Copyright © 20010 BY : thammaonline.com
บทความธรรมะรวมเรื่องกฏแห่งกรรมสมาธิ วิปัสนากรรมฐานพลังจิตกระดานถาม-ตอบ Sitemap

Google มาเยี่ยมเว็บเมื่อ มีนาคม 18, 2024, 04:02:06 AM