วันหนึ่งท่านมหากาลเห็นชาวเมืองพากันถือดอกไม้ธูปเทียนไปฟังธรรม ท่านจึงตามคนเหล่านั้นไปด้วย เมื่อพระพุทธองค์เทศนาธรรมเสร็จแล้ว ท่านเกิดเห็นโทษของโภคะและทรัพย์สมบัติทั้งหลาย จึงสละแล้วขอบวช
ท่านพระมหากาลได้ขอเรียนวิปัสสนา สมาทานพระกรรมฐานจากพระพุทธองค์ ถือธุดงค์อยู่ในป่าช้า
วันหนึ่ง มีคนนำศพมาให้คนเฝ้าป่าช้าทำการเผา คนเฝ้าจึงไปกราบเรียนท่านให้มาปลงกรรมฐาน ท่านไปในเวลาศพกำลังถูกเผาไหม้ ศพเริ่มเกรียมมีสีเหมือนกับแม่โคด่าง เท้างอหงิกห้อยลง มือทั้ง ๒ กำเข้า หนังหน้าผากกำลังลอกออก ท่านเริ่มปลงกรรมฐานขั้นต้นว่า “อิทํ สรีรํ อิทาเนว โอโลเกนฺตานํ อปริยนฺตีกรํ หุตฺวา อิทาเนว ขยปฺปตฺตํ วยปฺปตฺตํ” เมื่อก่อนสรีระนี้ทำให้คนทั้งหลายแลดูแล้วเกิดความกระสัน ไม่วายหลงรักเลย แต่บัดนี้ถึงความสิ้นไป ถึงความเสื่อมสลายไปแล้ว ท่าน พระมหากาล กลับไปที่พักกลางคืนนั่งขัดสมาธิพิจารณากรรมฐานขั้นต่อไป ว่า อนิจฺจา วต สงฺขารา อุปฺปาทวยธมฺมิโน
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ เตสํ วูปสโม สุโข ต่อจากนั้นก็เจริญวิปัสสนาอย่างเต็มที่ ในไม่ช้าท่านก็ได้บรรลุพระอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ๔ ที่มา
- นวสีวถิกาปัพพะ
- วิปัสสนากรรมฐาน รจนาโดย พระเมพสิทธิมุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ. ๙ )