พระสารีบุตรครั้งยังเป็นปริพาชกในสำนักอาจารย์สัญชัย วันหนึ่งได้พบพระอัสสชิ และได้ฟังธรรมแล้ว จึงมาบอกท่านโมคคัลานะที่เป็นสหาย แล้วทั้งสองได้ไปชักชวนอาจารย์สัญชัย ให้ไปบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าด้วยกัน แต่อาจารย์สัญชัยปริพาชกไม่ยอมไป
อาจารย์สัญชัยถามว่า "ในโลกนี้ คนโง่มีมาก หรือคนฉลาดมีมาก"
พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะได้ตอบว่า "คนโง่มีมากกว่า"
อาจารย์สัญชัยจึงกล่าวว่า "ปล่อยให้คนฉลาดจำนวนน้อยไปเป็นลูกศิษย์พระสมณโคดมพุทธเจ้าเถิด ให้คนโง่จำนวนมากกว่ามาเป็นลูกศิษย์ของเรา เราจะได้รับเครื่องสักการะจากคนจำนวนมาก คนฉลาดอย่างเธอทั้งสองจะไปเป็นศิษย์ของพระสมณโคดมก็ตามใจเธอ"
***************************
มนุษย์เป็นอันมาก เมื่อเกิดภัยคุกคามแล้ว
ก็ถือเอาภูเขาบ้าง ป่าไม้บ้าง อาราม และรุกขเจดีบ้าง เป็นที่พึ่งที่หลบภัย
นั่นไม่ใช่ ที่พึ่งที่เกษมเลย นั่นไม่ใช่ที่พึ่งอันสูงสุด
เขาอาศัยที่พึ่งเหล่านั้นแล้ว ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้
ส่วนผู้ใดถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งแล้ว
เห็นอริยสัจ คือ ความจริงอันประเสริฐสี่ ด้วยปัญญาอันชอบ
คือเห็นทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความก้าวล่วงทุกข์ เสียได้
และหนทางแปดอันประเสริฐ เครื่องถึงความระงับทุกข์
นั่นแหละ เป็นที่พึ่งอันเกษม นั่นเป็นที่พึ่งอันสูงสุด
เขาอาศัยที่พึ่งนั่นแล้ว ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้
*********************************
พราหมณ์คณกโมคคัลลานะทูลถามพระพุทธเจ้าว่า.
“ก็สาวกของพระโคดมผู้เจริญ เมื่อพระโคดมกล่าวสอน พร่ำสอนอยู่อย่างนี้ ทุก ๆ องค์ ได้บรรลุนิพพาน อันเป็นผลสำเร็จถึงที่สุดอย่างยิ่งหรือ หรือว่าบางองค์ไม่ได้บรรลุ ?”
พราหมณ์ ! สาวกของเรา แม้เรากล่าวสอน พร่ำสอนอยู่อย่างนี้ น้อยพวก ที่ได้บรรลุนิพพาน อันเป็นผลสำเร็จถึงที่สุดยิ่ง, บางพวกไม่ได้บรรลุ.
พราหมณ์ ! ฉันใดก็ฉันนั้น, ที่พระนิพพาน ก็ยังตั้งอยู่ ทางเป็น เครื่องถึงพระนิพพาน ก็ยังตั้งอยู่ เราผู้ชักชวน ก็ยังตั้งอยู่ แต่สาวก แม้เรา กล่าวสอนพร่ำสอนอยู่อย่างนี้ น้อยพวก ได้บรรลุนิพพานอันเป็นผลสำเร็จถึงที่สุดยิ่ง, บางพวกไม่ได้บรรลุ.
พราหมณ์ ! ในเรื่องนี้ เราจักทำอย่างไรได้เล่า, เพราะเราเป็นแต่ผู้บอกทางเท่านั้น.
*******************
มนุษย์เรา มักเขลาขลาด ขาดปัญญา
แสวงหา สิ่งซื่ง ไม่พึงหมาย
หลงลัทธิ พิธีกรรม จนงมงาย
สู่เป้าหมาย หลุดพ้นได้ ไม่กี่คน ฯ