เมษายน 20, 2024, 06:44:14 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: นั่งสมาธิ แล้วเจอเรื่องแปลกๆ  (อ่าน 8257 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ภาคภูิมิ
เด็กใหม่
*****

พลังความดี : 0


เพศ: ชาย
อายุ: 29
กระทู้: 1
สมาชิก ID: 2836


อีเมล์
« เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2014, 12:17:05 PM »

Permalink: นั่งสมาธิ แล้วเจอเรื่องแปลกๆ
ผมชื่อ ภาคภูมิ ผมเป็นคนชอบนั่งสมาธิตั้งแต่เล็กๆแต่เพราะว่านั่งจนมีเหตุที่ว่า * พอนั่งสมาธิเส็รจนั่งได้ครั้งละ 40 นาที บางที เป็น ชั่วโมง
นั่งแรกๆก็นั่งสับผะหงก แต่ก็พยายาม พุธโธอยู่ตลอด แต่พอเลิกนั่งจะง่วงนอนมากก็จะนอนทุกครั้งแรกๆนอนไม่เจออะไรแต่หลังๆที่นั่งบ่อยขึ้น
ก็เจอเหตุที่ว่าพอนอนหัวถึงหมอนแค่หัวถึงหมอนก็เหมือนโดนผีอำคือขยับไม่ได้ แรกๆก็แค่ขยับไม่ได้ก็ยังไม่กลัวเท่าไหร่แต่ก่อนที่จะเลิกนั่งตอนนั้นอายุประมาน16ปีได้คือนั่งแล้วมีอาการเหมือนโดนผีอำขยับไม่ได้ลืมตาได้พูดไม่ได้ และจะมีเสียงคล้ายๆเป็นเสียงแหลมๆตอนแรกคือเสียงมันจะอยู่ไกลแต่พอเราเอาจิตไปจับมันกลับเข้ามาไกล้จนเหมือนหูเราจะทะลุทรมานมาก เป็นทั้งหมด 3วันติดต่อกัน เลยไม่ค่อยได้นั่งเพราะเกิดอาการกลัว
แต่พออายุ20ปี ตอนที่บวชพระ รวมวันบวชทั้งหมด 18 วัน ประมาน3 - 4 วันแรกที่บวชเริ่มกลับมานั่งวันแรกๆไม่เจอก็ปกติแต่ง่วงเหมือนเดิมไม่มีอาการหรือเสียงแต่นั่งได้เป็น ชั่วโมงเหมือนเดิมแต่ทนเอากับความเจ็บที่ว่าขาเรามันทับกัน เราก็ทนๆจน มาวันจะสึกจากความเป็นพระ คือ อาทิตย์สุดท้ายเราก็นั่งได้แล้วเริ่มมีอาการที่ว่านั่งแล้วเสียงนี่มันกลับมาคือเสียงแหลมๆที่ว่ามันเข้ามาอีกทรมานมากแต่ก็ทนนอนแล้วเสียงมันก็หายไปพร้อมกลับเราโดนอำเหมือนเดิมคือขยับตัวไม่ได้แต่ก็ยังไม่กลัวเท่าไหร่เพราะยังมีความชินแต่พอเรามานั่งได้สัก 2 ชั่วโมง บางที 3 ชั่มโมง แต่ตอนนี้คือนั่งไม่สับผะหงกแล้วนะครับคือจับจิตเป็นแล้ว พอเราเริ่มไม่สับผะหงกก็มีอย่างอื่นเข้ามาเพิ่มอีกคือเวลาเรานอนเราจะโดนอำก่อนคือขยับตัวไม่ได้พร้อมกับเสียงแปลกๆที่มันแหลมๆมันวิ่งเข้าหูเจ็บปวดมากแต่ก็ทนได้บ้างไม่ได้บ้างคือที่ทนได้คือนอนต่อ ที่ทนไม่ได้คือต้องลุกแล้วมันนั่งรอจนมันหายเราถึงนอน พอเราลุกมันก็จะเป็นปกติคือไม่มีที่จะโดนเอาเสียงแหลมจะไม่มี แต่ถ้าครั้งไหนเราทนได้กับเสียง จะเจอ อยู่2 วันติด คือเราได้ยินเสียงตัวเองเวลาเราคิดในใจ มันจะมีคนพูดเลยเป็นอย่างที่เราคิดตรงแป๊ะทุกคำแต่ไม่ใช้เสียงเราเป็นเสียงคนอื่น ขอพระอาจารย์ช้วยแนะนำหน่อยครับ




บันทึกการเข้า
เกียรติคุณ
ผู้ปฏิบัติธรรม
*****

พลังความดี : 65


เพศ: ชาย
อายุ: 46
กระทู้: 958
สมาชิก ID: 841


« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2014, 07:30:14 PM »

Permalink: นั่งสมาธิ แล้วเจอเรื่องแปลกๆ
แนะนำให้ไปหาครูบาอาจารย์สายกรรมฐานท่านช่วยแก้ข้อสงสัยให้นะครับ ตามดเวบไม่มีใครรูุ้ธรรมนอกจากจำๆตามๆกันมาหรืออนุมานเอาตามคนที่ไม่รู้แต่ปรุงแต่งไปเรื่อยๆ ดังนั้นดีที่สุดให้ไปหาครูบาอาจารย์สอนกรรมฐานให้ท่านชี้แนะให้

ส่วนตัวแล้วความที่จดจำตามๆกันมา ความปรุงแต่งอนุมานแบบคนไม่รู้ที่พอจะคาดเดาเอาได้แต่ก้อไม่ใช่ของจริงนั้น มีอยู่ว่า

1. สภาวะที่ง่วงนอน เป็นของนิวรณ์ ซึ่งเป็นปกติจิต เมื่อจิตปรับสภาพแล้วมีสภาวะที่สบายขึ้นเป็นระบบขึ้น ความง่วงเกิดขึ้นแก่จิตทันที เหมือรคำว่าเวลากายและใจเราสบายมันจะหลับง่ายสบายๆไม่ลำบาก ซึ่งผมเป็นและเข้าใจมาเช่นนี้
2. จนเมื่อสามารถผ่านสภาวะที่ง่วงไปได้โดยอาศัยความทำไว้ในใจให้เกิดความพอใจยินดีที่จะทำสมาธิ ทำต่อไปจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน หากมันจะหลับก็ให้หลับไปในท่านั่งสมาธินี้แหละดีแม้ตายไปก็ไปหาพระพุทธเจ้า แล้วเมื่อ ผ่านสภาวะอันง่วงเหงาหาวนอนนี้ๆมันจะเข้าสู่สภาวะที่สงบรำงับจากกิเลสมีจิตตั้งมั่นมากขั้นเรียกว่า อุปจาระสมาธิ เมื่อเกิดสืบเนื่องมีจิตแนบแน่นได้ดีความคิดอกุุศลจะไม่เกิดขึ้นแก่จิต มีจิตจดจ่อในสภาวะธรรมใดได้นานขึ้น แม้เสียงที่ได้ยินดังๆภายนอกก็จะเบาบางลงจนแทบไม่ได้ยิน สามารถยกจิตพิจารณาสภาวะธรรมได้นานขึ้นเรียกว่า อุปจาระฌาณนั้นเอง ซึ่งผมเป็นและเข้าใจมาเช่นนี้
3. เมื่อผ่านอุปจาระฌาณไปได้จะเกิดสภาวะที่มีความตรึกนึกคิดอยู่ แต่มีจิตแยกจากส่วนที่คิดไม่สนใจเสียงภายนอกแล้ว มีแต่ความจดจ่อดูสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นนั้นๆ เกิดสภาวะจิตทึี่แยกจากความคิดนั้นๆแลดูความเป็นไปที่ตรึกนึกคิดนั้นๆทีละขณะๆ แล้วเข้าไปรู้สิ่งที่คิดที่ละขณะๆ แต่จิตที่แลดูนั้นมีสภาวะที่ไม่เข้าร่วมรู้ความเป็นไปทั้งหมด เมื่อนานขึ้นๆละเอียดขึ้นๆจนแทบไม่มีเสียงคิดตน จิตเราเริ่มเกิดความสำเหนียกขึ้นมาและวิจารคือสภาพวะที่ตรองดูจนเห็นความเป็นไปตามจริงโดยตัดความคิดเกิดขึ้น ก็จะเริ่มเห็นสภาวะธรรมแยกออกเป็นกองๆแต่สัมพันธ์กันบ้าง มีจิตแลรู้สภาวะธรรมและจดจำได้นิ่งแช่แนบแน่นเป็นจุดเดียวอยู่นั้น แต่ไม่เข้าร่วมกับความปรุงแต่งนั้นๆ เรียกว่าปฐมฌาณ ซึ่งผมเป็นและเข้าใจมาเช่นนี้
- แม้ในสภาวะนี้ มีเรื่องราวปรุงแต่งอยู่บ้างก็ได้ยินเสียงคุยกัน บ้างก็รู้สภาวะจิตอันเป็นไปต่างๆนาๆ ท่านว่าบางครั้งจิตเรามันคุยกันเอง ทั้งจิตดีและจิตชั่วจิตคุยกันบ้าง จิตเดิมและจิตปรุงแต่งคุยกันบ้าง และ จิตมันจะเลือกจับเอาสภาวะธรรมบ้างไม่ใช่หูทิพย์หรือเสียงทิพย์ อันนี้ตั้งพิจารณาเจริญทั้งภายในและภายนอกให้เห็นว่าในเรามีในเขามีจะพ้นจากหลงไปได้เมื่อถึงสภาวะหนึ่งจิตจะรู้เองว่านี่เป็นจิตเราคุย ว่านี่จิตเขา ว่านี้มีเสียงไรๆของใคร ว่าความเศร้าหมองเป็นไปของจิตนี้ๆเป็นเราหรือเขา มีภายในหรือภายนอก ซึ่งผมเป็นและเข้าใจมาเช่นนี้
4. จนถึงปฐมฌาณที่ละเอียดขึ้นไปที่เกิดสภาพแลที่แยกจากจิตที่ตรึกนึกคิดนั้นนิ่งแช่อยู่ แล้วจิตก็ดับเสียงจากความตรึกนึกคิดนั้นไป มีเกิดปรุงแต่งเป็นนิมิตอยู่บ้าง เรียกว่า มีกำลังแห่งความสำเหนียกอันเกิดแต่ สติ+สัมปชัญญะ ซึ่งดับวิตกไปนี้เกิดขึ้นแล้ว (โดยความสำเหนียกนั้นๆ จะไม่มีคำพูดจากความคิดแต่มีสภาวะรู้พิจารณา) สักพักจะความนิ่งแช่อยู่พร้อมเข้าไปรู้สภาวะหนึ่งๆซึ่งมีความสั่นอึกทึกสนั่นมากๆซึ่งแรกๆอาจจะไม่รู้ว่าคืออะไร แต่จิตมันสำเหนียกรู้ว่ามีสภาะนั้นเกิดขึ้น ซึ่งบางท่านว่าวภาวะนี้เป็นทุติยฌาณของโลกียะฌาณนั่นเอง แต่พอสักพักหากเราเข้าไปจดจ่อในสภาวะนั้นมากเกินไปจิตจะเกิดวิตกเกิดขึ้นอีกพร้อมมีจิตสำเนียกดูรู้อยู่ ก็จะรู้ว่านั่นคือเสียง พอเมื่อกำหนดรู้เข้าไปก็จะเห็นว่าเสียงที่เราได้ยินเป็นเสียงดังมากๆๆๆจนนึกว่าฟ้าถล่ม แต่หากมีสติ+สัมปะชัญญะ แลดูแล้วพิจารณาดีๆสภาวะนี้ที่เกิดขึ้นก็จะรู้ว่า นั่นก็คือ เสียงลมหายใจของเรานี่เองไม่มีเสียงอื่นใด หากเมื่อรู้เสียงแล้วหลุดสภาวะนี่้ไปก็ต้องเริ่มที่อุปจาระสมาธิใหม่อีก หากก้าวผ่านมันไปได้โดยแค่สักแต่รู้เราก็จะเริ่มเข้าสู่สภาวะที่มีจิตละเอียดขึ้นไม่มีเสียงเป็นข้าศึกอันความตรึกนึกคิดตรองแนบอารมณ์ใดๆดับไปแล้วเหนือแต่ความสงบอันอิ่มใจรื่มรมณ์ใจอยู่เข้าสู่ทุกติยะฌาณ ซึ่งผมเป็นและเข้าใจมาเช่นนี้


สิ่งนี้ เป็นแค่ความอนุมานในสภาวะธรรมที่ผมแลเห็น อาจจะไม่ถูกต้องตามจริง และ อาจไม่ตรงตคามที่คุณพบเจอและอยากรู้ ลองวิเคราะห์และพิจารณาดูว่าอยู่ในส่วนใดบ้างไหม ดีที่สุดคุณต้องไปสอบถามกับครูพระกรรมฐานครับดีที่สุด

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 24, 2014, 07:54:06 PM โดย เกียรติคุณ » บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


บทความและไฟล์ภาพ ในเว็บไซต์แห่งนี้อาจนำมาจากเว็บไซต์อื่นๆ ที่ทีมงานคิดว่ามีประโชยน์ต่อผู้อ่าน โดยให้ผู้อ่านเกิดควมบันเทิง และให้ความรู้ โดยที่เราจะให้เครดิตทุกครั้งที่นำมา หากไฟล์ภาพหรือบทความใด ที่เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ต้องการให้นำมาแสดง โปรดแจ้งมาที่ tumcomputer@hotmail.com ทางทีมงานจะได้นำบทความนั้นออกทันที ขอบคุณครับ


เว็บนี้จัดทำโดย นายสุรัตน์ ศรลัมภ์ และครอบครัว อุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร และผู้มีพระคุณ

HTML Hit Counters
Powered by SMF 1.1.17 | Simple Machines|Copyright © 20010 BY : thammaonline.com
บทความธรรมะรวมเรื่องกฏแห่งกรรมสมาธิ วิปัสนากรรมฐานพลังจิตกระดานถาม-ตอบ Sitemap

Google มาเยี่ยมเว็บเมื่อ เมษายน 05, 2024, 01:58:43 PM