ดูก่อน วัจฉะ ทานที่ให้แก่ท่านผู้มีศีลมีผลมาก ท่านผู้มีศีลนั้นเป็นผู้ละองค์ ๕ ได้แล้ว ประกอบด้วยองค์ ๕ ละองค์ ๕ เหล่าไหนได้ คือ
ละกามฉันทะ ๑ (ความพอใจในกาม)
พยาบาท ๑ (การมุ่งคิดร้าย)
ถีนมิทธะ ๑ (ความง่วงเหงาหาวนอน)
อุทธัจจกุกกุจจะ ๑ (ความฟุ้งซ่านรำคาญใจ)
วิจิกิจฉา ๑ (ความสงสัยลังเลใจ)
ท่านผู้มีศีลละองค์ ๕ นี้ได้แล้ว ประกอบด้วย องค์ ๕ เป็นไฉน คือ
ประกอบด้วยศีลขันธ์ที่เป็นของพระอเสขะ ๑ (กองศีล)
ประกอบ ด้วยสมาธิขันธ์ที่เป็นของพระอเสขะ ๑ (กองสมาธิ)
ประกอบด้วยปัญญาขันธ์ที่เป็นของพระ อเสขะ ๑ (กองปัญญา)
ประกอบด้วยวิมุตติขันธ์ที่เป็นของพระอเสขะ ๑ (กองวิมุตติ)
ประกอบด้วย วิมุตติญาณทัสสนขันธ์ที่เป็นของพระอเสขะ ๑ (กองวิมุติญาณทัสสนขันธ์)
ท่านผู้มีศีลประกอบด้วยองค์ ๕ นี้ เรากล่าวว่า ทานที่ให้ในท่านที่ละองค์ ๕ ได้ ประกอบด้วยองค์ ๕ ดังกล่าวมา มีผลมาก ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=20&A=4227&Z=4284ผู้ละความสงสัยได้เป็นพระโสดาบัน
ผู้ละความโกรธได้เป็นพระอนาคามี
ผู้ละความถือตัว ความง่วงได้เป็นพระอรหันต์
ดังนั้น การฝึกปฏิบัติเพื่อละองค์ 5 เราต้องรู้ทันความคิดอยู่ตลอดเวลา รู้ทันต้นเหตุตลอดเวลา คือตัวจะ เวลาจะคิดกำหนดจะคิดดับๆ เวลาจะละความพยาบาทใครกำหนด จะพยาบาทดับๆ จะเคืองดับๆ เวลาจะง่วง กำหนดจะง่วงดับๆ เวลาจะฟุ้งซ่านกำหนด จะฟุ้งดับๆ เวลาจะสงสัยกำหนด จะสงสัยดับๆ เรารู้ทันจะเกิดก็รู้ทันว่าจะเกิด จะดับก็รู้ว่าจะดับ จะไม่เกิดดด้วยอาการใดก็รู้ทันว่าไม่เกิดด้วยอาการใด จะเกิดด้วยอาการใดก็รู้ทันว่าเกิดด้วยอาการใดทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มี ไม่ให้เกิดอีกต่อไป
ผู้ใดละองค์ 5 ได้ ผู้นั้นก็เป็นพระอรหันต์แล้ว