เมษายน 20, 2024, 01:38:26 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ต้องอบรมจิต  (อ่าน 5044 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เด็กหน้าวัด
เด็กใหม่
นักบุญผู้ใจดี
*****

พลังความดี : 696


เพศ: ชาย
กระทู้: 13280
สมาชิก ID: 1


« เมื่อ: สิงหาคม 27, 2010, 01:32:23 PM »

Permalink: ต้องอบรมจิต
ต้องอบรมจิต

ให้มี..'สติ'และ...'โยนิโสมนสิการ' ในการอบรมจิตใจ
ให้เข้าใจในความเป็นจริงของรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ
วิญญาณ ซึ่งเป็นขันธ์ 5 หรือกาย เวทนา จิต ธรรม ในสติปัฏฐาน4
พร้อมทั้งเหตุเกิดและเหตุดับของสิ่งเหล่านั้น

ด้วยอำนาจสติ สมาธิ และปัญญา ที่ฝึกฝนอบรมมาดีแล้ว ครั้น
มีความคิดปรุงแต่งหรืออาการใดปรากฏแก่ใจ 'สติ' ก็จะรู้ตัวทันที
ใจซึ่งเป็น 'สมาธิ' ก็จะไม่หวั่นไหว 'ปัญญา' ก็จะรู้ตามความเป็นจริง
ของทุกความคิดปรุงแต่ง หรือทุกอาการที่ปรากฏขึ้นมา ไม่ว่าอาการ
นั้นจะถูกใจหรือไม่ถูกใจ หรือไม่ว่าจะรู้สึกเป็นสุข หรือเป็นทุกข์ หรือ
เป็นอุเบกขาเวทนา คือเป็นกลางๆไม่สุขไม่ทุกข์ หรือไม่ว่าจะผ่องใส
หรือเศร้าหมอง หรือไม่ว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศล ไม่ว่าจะเป็นบุญหรือ
บาป หรือไม่ว่าจะดีหรือชั่ว

รวมทั้งเกิดความรู้สึกตัว หรือเกิดความนึกคิดปรุงแต่ง หรือเกิดความ
รู้สึกว่าเป็นเราหรือเป็นตัวเราหรือเป็นของเรา.....(ความจริงเป็นเพียง
อาการที่เกิดขึ้นหรือปรุงแต่งขึ้นมาเท่านั้น หาใช่เป็นตัวเรา หรือเป็น
ของเรา หรือเป็นตัวเป็นตนของเราจริงๆไม่)

ว่าอาการเหล่านั้น ทุกอาการเป็นเพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งเหล่านั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา ไม่มีสิ่งใดที่เที่ยงหรือคงที่ ที่จะเอา
เป็นที่ยึดถือได้ว่าเป็นเรา หรือเป็นของเรา หรือเป็นตัวเป็นตนของเรา
หรือเราเป็นอาการนั้น เขาเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยเป็นธรรมดา แล้ว
ย่อมดับไปเป็นธรรมดา

แม้จะเป็นอาการที่ชอบใจก็ไม่อาจตั้งอยู่อย่างนั้นตลอดไป หรือเป็นอาการ
ที่ไม่ชอบใจ ก็จะไม่อาจดิ้นรนผลักไสให้ดับขาดไปได้อย่างใจอยาก
เพราะเขาเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา...จะต้องรู้อย่างนี้จนกว่าใจจะยอม
รับตามความเป็นจริง จึงจะปล่อยวางการหลงยึดถือได้....

(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เขียนไว้ในขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะว่า....
ให้รู้อยู่ที่ต้นจิต**หรือจิตต้น พ้นโหยหวน ถ้ารู้ปลายจิต**ผิดทันที
ซึ่งน่าจะหมายความว่า...ถ้ามีความคิดปรุงแต่งหรืออาการใดแล้ว
ไม่รู้ตั้งแต่เริ่มต้นคิดหรือเริ่มต้นมีอาการ โดยมารู้ภายหลัง เรียกว่า
รู้ที่ปลายจิต คือต้องรู้ที่ต้นเหตุ....หาใช่ปลายเหตุไม่)

~ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์~


 
 
 




บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


บทความและไฟล์ภาพ ในเว็บไซต์แห่งนี้อาจนำมาจากเว็บไซต์อื่นๆ ที่ทีมงานคิดว่ามีประโชยน์ต่อผู้อ่าน โดยให้ผู้อ่านเกิดควมบันเทิง และให้ความรู้ โดยที่เราจะให้เครดิตทุกครั้งที่นำมา หากไฟล์ภาพหรือบทความใด ที่เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ต้องการให้นำมาแสดง โปรดแจ้งมาที่ tumcomputer@hotmail.com ทางทีมงานจะได้นำบทความนั้นออกทันที ขอบคุณครับ


เว็บนี้จัดทำโดย นายสุรัตน์ ศรลัมภ์ และครอบครัว อุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร และผู้มีพระคุณ

HTML Hit Counters
Powered by SMF 1.1.17 | Simple Machines|Copyright © 20010 BY : thammaonline.com
บทความธรรมะรวมเรื่องกฏแห่งกรรมสมาธิ วิปัสนากรรมฐานพลังจิตกระดานถาม-ตอบ Sitemap

Google มาเยี่ยมเว็บเมื่อ พฤศจิกายน 18, 2021, 05:38:05 PM