เมษายน 23, 2024, 02:59:44 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ให้ทานอย่างไร จึงจะได้ทำบุญอย่างสมบูรณ์  (อ่าน 4294 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เด็กหน้าวัด
เด็กใหม่
นักบุญผู้ใจดี
*****

พลังความดี : 696


เพศ: ชาย
กระทู้: 13280
สมาชิก ID: 1


« เมื่อ: สิงหาคม 28, 2010, 06:24:13 PM »

Permalink: ให้ทานอย่างไร จึงจะได้ทำบุญอย่างสมบูรณ์
ให้ทานอย่างไร จึงจะได้ทำบุญอย่างสมบูรณ์

การทำบุญ ท่านเรียกว่าบุญกิริยา หรือเรียกยาวว่า บุญกิริยาวัตถุ
คือเรื่องของการทำบุญ ญาติโยมที่คุ้นวัดจะนึกออกว่า บุญกิริยา-
วัตถุมี 3 อย่างคือ
1. ทาน...การให้ เผื่อแผ่ แบ่งปัน
2. ศีล...การประพฤติสุจริต มีความสัมพันธ์ที่ดี ไม่เบียดเบียนกัน
3. ภาวนา...ฝึกอบรมพัฒนาจิตใจ เจริญปัญญา

ทาน...ก็เป็นบุญอย่างหนึ่ง
ศีล....ก็เป็นบุญอย่างหนึ่ง
ภาวนา...ก็เป็นบุญอย่างหนึ่ง
และสูงขึ้นไปตามลำดับด้วย ศีล...เป็นบุญที่สูงกว่าทาน
ภาวนา...เป็นบุญที่สูงกว่าศีล แต่เราสามารถทำไปพร้อมกันทั้ง
สามอย่าง...

เหตุใดจึงเรียกการถวายของแก่พระที่วัดว่าเป็นการทำบุญ แต่ให้
แก่ชาวบ้านเรียกว่าเป็นทานเฉยๆ เรื่องนี้อาจจะเกิดจากการที่ว่า
เวลาเราไปถวายพระที่วัด เราไม่ใช่ถวายทานอย่างเดียวเท่านั้น
คือ ในเวลาที่เราไปถวายสิ่งของเครื่องไทยธรรม หรือทำอะไรที่วัด
นั้น นอกจากทานเป็นอย่างที่ 1แล้ว 2 ศีล เราก็ได้รักษาไปด้วย
คือ เราต้องสำรวมกาย วาจา อยู่ในระเบียบแบบแผนวัฒนธรรม
ประเพณี เรื่องมารยาทอากัปกิริยา และการสำรวมวาจาต่างๆ นี้
เป็นศีลทั้งสิ้น และเวลานั้นเรางดเว้นความไม่สุจริตทางกาย วาจา
ความไม่เรียบร้อย การเบียดเบียนทุกอย่างทางกาย วาจา เราละ
เว้นหมด เราอยู่ในกาย วาจาที่ดีงาม ที่ประณีต ที่สำรวม ที่ควบคุม
นี้คือเป็นศีล...

3. ในด้านจิตใจ จะด้วยบรรยากาศของการทำบุญก็ตาม หรือด้วย
จิตใจก็ตามที่เรามีความเลื่อมใสตั้งใจไปด้วยศรัทธาก็ตาม จิตใจ
ของเราก็ดีงามด้วย เช่น มีความสงบ มีความสดชื่น เบิกบานผ่องใส
มีความอิ่มใจ ตอนนี้เราก็ได้ภาวนาไปด้วย ยิ่งถ้าพระได้อธิบายให้
เข้าใจในเรื่องการทำทานนั้นว่าทำเพื่ออะไร มีประโยชน์อย่างไร สัม-
พันธ์กับบุญหรือการปฏิบัติธรรมอื่นๆอย่างไร ฯลฯ เรามองเห็นคุณค่า
ประโยชน์นั้น และมีความรู้ความเข้าใจธรรม เข้าใจเหตุผลต่างๆมาก
ขึ้น เราก็ได้ปัญญาด้วย...

ด้วยเหตุที่ว่ามานี้ ก็จึงกลายเป็นว่า เมื่อเราไปที่วัดนั้นแม้จะไปถวาย
ทานอย่างเดียว แต่เราได้หมดทุกอย่าง ทาน...เราก็ทำ ศีล...เราก็
พลอยรักษา ภาวนา...เราก็ได้ ทั้งภาวนาด้านจิตใจ ภาวนาด้านปัญญา

เพราะฉะนั้น เมื่อเราไปที่วัด ถ้าเราปฏิบัติถูกต้อง เราจึงไม่ได้ถวาย
ทานอย่างเดียว แต่เราได้มาครบ ตอนแรกเราตั้งใจไปถวายทานอย่าง
เดียว แต่เมื่อไปแล้วเราได้มาครบทั้งสาม ทีนี้เราจะบอกว่าเราไปถวาย
ทานมา เราก็พูดไม่ครบ ก็เลยพูดว่าเราไปทำบุญ เพราะว่าเราได้ทำ
ทั้งสามอย่าง ที่ว่ามานี้ก็เป็นเหตุให้การถวายทานอย่างเดียว กลาย
เป็นมีความหมายเป็นทำบุญ (ครบทั้งสามอย่าง)

เมื่อโยมเข้าใจอย่างนี้แล้ว ต่อไปเวลาไปถวายทานที่วัดก็ต้องทำให้
ได้บุญครบทั้งสามอย่าง คือ ถวายทานอย่างเดียว แต่ต้องให้ได้ทั้ง
ศีล...และ ภาวนา...ด้วย อย่างนี้จึงจะเรียกว่า...'ทำบุญ' อย่างแท้
จริง...ฯ

~พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)~
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
 
 
 




บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


บทความและไฟล์ภาพ ในเว็บไซต์แห่งนี้อาจนำมาจากเว็บไซต์อื่นๆ ที่ทีมงานคิดว่ามีประโชยน์ต่อผู้อ่าน โดยให้ผู้อ่านเกิดควมบันเทิง และให้ความรู้ โดยที่เราจะให้เครดิตทุกครั้งที่นำมา หากไฟล์ภาพหรือบทความใด ที่เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ต้องการให้นำมาแสดง โปรดแจ้งมาที่ tumcomputer@hotmail.com ทางทีมงานจะได้นำบทความนั้นออกทันที ขอบคุณครับ


เว็บนี้จัดทำโดย นายสุรัตน์ ศรลัมภ์ และครอบครัว อุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร และผู้มีพระคุณ

HTML Hit Counters
Powered by SMF 1.1.17 | Simple Machines|Copyright © 20010 BY : thammaonline.com
บทความธรรมะรวมเรื่องกฏแห่งกรรมสมาธิ วิปัสนากรรมฐานพลังจิตกระดานถาม-ตอบ Sitemap

Google มาเยี่ยมเว็บเมื่อ สิงหาคม 04, 2021, 12:11:49 PM