เมษายน 25, 2024, 08:28:42 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้ยอมรับปรับเปลี่ยนตามเหตุปัจจัย มิต่อต้านสิ่งใดๆ นอกจากกิเลส  (อ่าน 4099 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เด็กหน้าวัด
เด็กใหม่
นักบุญผู้ใจดี
*****

พลังความดี : 696


เพศ: ชาย
กระทู้: 13280
สมาชิก ID: 1


« เมื่อ: กันยายน 05, 2010, 07:46:14 PM »

Permalink: ผู้ยอมรับปรับเปลี่ยนตามเหตุปัจจัย มิต่อต้านสิ่งใดๆ นอกจากกิเลส
ผู้ยอมรับปรับเปลี่ยนตามเหตุปัจจัย มิต่อต้านสิ่งใดๆ นอกจากกิเลส

       การยึดหลักเดิม โดยไม่สนใจสิ่งแวดล้อม จนจ้วงจาบผู้ที่รู้จักอุปกรณ์ในการสร้างกรรมอันเหมาะควรแก่กาลสมัย คือ ตนเองยึดติดกับความรู้สึกนึกคิดของตน สมัยก่อนเขาใส่รองเท้าไม้ มาสมัยนี้ก็ต้องใส่รองเท้าไม้ เห็นคนอื่นเขาใสรองเท้าอย่างอื่นๆ ตามสมัยที่มีวางขาย ก็ไปตำหนิติเตียน วิ่งแสวงหาแต่รองเท้าไม้ หรือ เขามีจีวรเนื้อผ้าดีสวยงาม ญาติโยมได้นำผ้าจีวรนั้นมาถวาย กลับไม่รับ บอกว่า เราไม่ใส่ของสวยๆ งามๆ ไล่ให้เขาไปหาผ้าเก่าๆ มาให้ ทำอย่างนี้คิดอย่างนี้ แล้วก็บอกว่าตนเองเป็นคนสันโดษ

อาการดังกล่าวมานั่นหละ ที่อาตมากล่าวว่า คนเรื่องมากในทางที่ไม่ควรเรื่องมาก เพราะการกระทำดังกล่าวนั้น เป็นการสนับสนุนกิเลสของตนเอง หากกลัวจิตติดสวยติดงาม ก็รับเอาไว้ก่อน แล้วค่อยถวายต่อแก่ผู้อื่นเสียก็คงไม่เป็นไร

อาการดังกล่าวมานั้น เป็นเครื่องบ่งชี้ชัดว่าคนผู้นั้นยังมิทันแจ้งทางตามหลักสูตรตำราหรือคำครูอาจารย์เพียงฝ่ายแห่งปริยัติ เพียงแต่เข้าใจตามใจตนเองเท่านั้น ยึดมั่นถือมั่นอย่างขาดปัญญา จนไปด่าว่าจ่วงจาบผู้อื่นที่ไม่ทำดังที่ตนทำ ว่าเขาเป็นคนเลว กล่าวร้ายด้วยวาจา ไม่เคยเหลียวมองจิตตนเองเลยว่า ตนกล่าวไปเพราะอะไร เป็นกลางหรือไม่ หรือเพียงอวดศักดาของตนเองเท่านั้น หากจิตยังไม่เป็นกลางแล้ว อาตมากล่าวว่า ท่านผู้มีพฤติกรรมเช่นนั้น ท่านยังแบกหามอยู่มากมายนัก

นักปฏิบัติทั้งหลาย เมื่อจิตหยั่งลงสู่ภาวะการเสพธรรมแท้แล้ว ปริยัตินั้นย่อมถูกทำลายไป แปลเปลี่ยนมาเป็นการสำเหนียกรู้ภายใจจิต ภาวะของการแบกหามย่อมจบสิ้นไป เมื่อ ภาวะแห่งบัญญัติถูกย่อยสลายไปกลายเป็นปัญญาอันสูงค่าแล้ว ท่านผู้นั้นจะไม่เที่ยวไปต่อว่าใครๆ ว่าไม่ปฏิบัติ ไม่สันโดษ ไม่ไปต่อว่ากล่าวร้าย ทั้งต่อน่าและลับหลัง เพราะจิตของท่านผู้นั้น มีคุณธรรมอันแท้จริงแล้ว

ผู้ใดยังมีจิตเร่าร้อนดั่งเพลิง ใยยังกล้ากล่าวว่าตนเองดำรงธรรม

เมื่อบ่วงแห่งกิเลสถูกทำลายไปแม้เพียงเสี้ยวหนึ่ง จิตยังเกษมได้มากเพียงนี้ ใยจะต้องกล่าวไปถึงพระมหานฤพานอันว่างวางแล้วนั้นด้วยเล่า

ขอท่านจงดำรงต่อเพื่อการอวสานแห่งโลกภูมิเถิดที่ตนเองยึดแบกหามนั้นเสีย หากโลกภูมิสิ้นไปจากจิตของท่านแล้วท่านจะเข้าใจว่าการทำลายโลกแห่งบัญญัติทั้งหลายนั้นเป็นเช่นใดกัน และรสชาติแห่งธรรมแท้ๆนั้นเป็นเช่นใดกัน

เฝ้าเผากิเลสที่ฝังแน่นภายในจิตตนเอง ดีกว่ามัวไปนั่งเฝ้าเผาหัวใจของผูอื่น

ขอบคุณธรรมจักรดอทเนต
 
 
 




บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


บทความและไฟล์ภาพ ในเว็บไซต์แห่งนี้อาจนำมาจากเว็บไซต์อื่นๆ ที่ทีมงานคิดว่ามีประโชยน์ต่อผู้อ่าน โดยให้ผู้อ่านเกิดควมบันเทิง และให้ความรู้ โดยที่เราจะให้เครดิตทุกครั้งที่นำมา หากไฟล์ภาพหรือบทความใด ที่เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ต้องการให้นำมาแสดง โปรดแจ้งมาที่ tumcomputer@hotmail.com ทางทีมงานจะได้นำบทความนั้นออกทันที ขอบคุณครับ


เว็บนี้จัดทำโดย นายสุรัตน์ ศรลัมภ์ และครอบครัว อุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร และผู้มีพระคุณ

HTML Hit Counters
Powered by SMF 1.1.17 | Simple Machines|Copyright © 20010 BY : thammaonline.com
บทความธรรมะรวมเรื่องกฏแห่งกรรมสมาธิ วิปัสนากรรมฐานพลังจิตกระดานถาม-ตอบ Sitemap

Google มาเยี่ยมเว็บเมื่อ ธันวาคม 13, 2023, 10:13:55 PM