นายตัมพทาฐิกะ...เป็นผู้มีจิตใจโหดเหี้ยม ได้เข้าสู่สํานักของโจร ภายหลังโจรทั้งหมดถูกพระราชาจับได้
เพชฌฆาตไม่กล้าฆ่าโจร นายตัมพทาฐิกะ จึงอาสาเป็นผู้ฆ่าโจรทั้งหมดเพื่อแลกกับชีวิตตน และได้เป็นนายเพชฌฆาตสืบไป
นายตัมพทาฐิกะรับหน้าที่เป็นเพชฌฆาตประจําเมืองจนล่วงเข้าสู่วัยชรา จึงถูกถอดออกจากตําแหน่ง
เขาจึงระลึกถึงกรรม ที่ตนกระทํามาสิ้น ๕๕ ปี จึงได้ถวายทานแด่พระสารีบุตร แล้วร้อนใจในบุพกรรมของตนไม่อาจฟังอนุโมทนากถาและข้อธรรมได้
พระสารีบุตรจึงจําต้องลวงตัมพทาฐิกโจรให้เข้าใจว่าตนไม่มีบาป
พระเถระคิดว่า "เราจักลวงบุรุษนั้น" จึงพูดว่า "ก็ท่านได้กระทำตามชอบใจตน หรือถูกคนอื่นให้กระทำเล่า?"
ตัมพทาฐิกะ. "ท่านผู้เจริญ พระราชาให้ข้าพเจ้าทำ."
พระเถระ. "อุบาสก เมื่อเป็นเช่นนั้น อกุศลจะมีแก่ท่านอย่างไรหนอ?"ตัมพทาฐิกโจรจึงมีแก่ใจฟังธรรมจนบรรลุโสดาบัน แล้วสิ้นชีวิตในวันนั้น ได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต
ภิกษุทั้งหลายโจษกันถึงแดนเกิดของตัมพทาฐิกโจรแล้วกล่าวกันว่า การฟังธรรมแค่นั้นไม่อาจเทียบกับอกุศลกรรมที่ตัมพทาฐิกโจรกระทําได้เลย
พระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่าพระธรรมของพระองค์ที่พระสารีบุตรแสดงกถาแก่ตัมพทาฐิกโจรเพียงเล็กน้อยนั้น หากปฏิบัติตามก็ย่อมมีผลใหญ่อันประมาณมิได้ พร้อมตรัสพระคาถาว่า...
คำพูดที่เหลวไหลไร้ประโยชน์ตั้งพันคำ
ก็สู้คำพูดที่มีประโยชน์คำเดียวไม่ได้
เพราะฟังแล้วทำให้จิตใจสงบ