บันทึกกรรมฐานวันที่ 21-2-58 # ๒
หลังจากได้ฟังธรรมเทสนาของ หลวงปู่บุญกู้ อนุวัฑฒโน แล้วเราน้อมนำมาเจริญปฏิบัติ
สามัญลักษณะของสังขารทั้งปวงเพราะฉะนั้น สติปัฏฐานแม้ในข้อกายานุปัสสนา พิจารณากาย ที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้นี้ เมื่อตรัสสอนให้กำหนดพิจารณาดูลักษณะของกาย กำหนดลักษณะ หรือเรียกว่ากำหนดรูปธรรมก็ได้ กำหนดรูปลักษณะของลมหายใจเข้าออก ของอิริยาบถใหญ่ อิริยาบถน้อย ของอาการ ๓๑ หรือ ๓๒ ของธาตุ ตลอดจนถึงของศพ ตั้งแต่เริ่มตาย จนถึงเสื่อมสลายไปหมดในที่สุด เป็นการตรัสสอนให้กำหนดรูปลักษณะ
เมื่อตรัสสอนให้กำหนดรูปลักษณะ ดั่งนี้ ย่อมจะทำให้มองเห็นสัจจะคือความจริง ซึ่งเป็นสามัญลักษณะ คือเป็นลักษณะที่ทั่วไปของสังขารทั้งปวง อันได้แก่ อนิจจลักษณะ ลักษณะที่ไม่เที่ยง ทุกขลักษณะ ลักษณะที่เป็นทุกข์ อนัตตลักษณะ ลักษณะที่เป็นอนัตตามิใช่ตัวตน ทำให้ อนิจจตา ความเป็นของไม่เที่ยง ทุกขตา ความเป็นทุกข์ และ อนัตตตา ความเป็นอนัตตา ปรากฏขึ้น ดั่งนี้จึงเป็นตัวปัญญาวิปัสสนา ปัญญาที่รู้แจ้งเห็นจริง ในอนิจจลักษณะ ทุกขลักษณะ อนัตตลักษณะ ในอนิจจตา ทุกขตา อนัตตา
เมื่อเป็นดั่งนี้ จึงเป็นไปเพื่อวิปัสสนาปัญญา อันตั้งขึ้นจากสมาธิที่กำหนดรูปลักษณะของกาย สมาธิที่ตั้งกำหนดรูปลักษณะของกายตามที่ตรัสสอนนี้ จึงเป็นวิธีที่ให้ได้วิปัสสนาปัญญา
ในสามัญลักษณะ เป็นตัวปัญญาดังที่ตรัสเอาไว้ว่า ตามเห็นเกิด ตามเห็นดับเป็นธรรมดา ตามเห็นทั้งเกิด ตามเห็นทั้งดับเป็นธรรมดา ดั่งนี้
ฉะนั้นการปฏิบัติในสติปัฏฐานตั้งสติเบื้องต้น กำหนดรูปลักษณะของกาย ก็ทำให้ได้สมาธิ และทำให้ได้วิปัสสนาปัญญา อันเป็นตัวปัญญาที่ให้ได้วิมุติความหลุดพ้นจากกิเลสและกองทุกข์ แม้จะชั่วระยะหนึ่ง เร็วหรือช้า มากหรือน้อย ตามสมควรแก่กำลังปฏิบัติ
สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อนท่าน ให้สลายธาตุน้ำก่อน สลายแล้วคอจะแห้ง ต่อมาให้สลายธาตุไฟ ธาตุไฟสลายแล้ว จะรู้สึกหนาว ต่อมาจึงสลายธาตุดิน สลายธาตุดินแล้ว กายจะเบา ต่อมาสลายวิญญาณธาตุ สลายแล้ว จะดับความยึดมั่น ไม่มีร่างกาย ว่างแคว้งคว้าง
ธาตุลม ท่านห้ามสลาย จิตจะอยู่ที่ถุงลม ถ้าสลายธาตุลมต้องมีจิตกล้าแข็ง และกลับมาได้ เพราะสังขารกายเนื้อยังค้างคาอยู่
หลวงปู่สอน จิต กับอารมณ์อย่าแยกกัน จิตไม่ไปพร้อมกับอารมณ์ กิเลสแซก จิตไปพร้อม กับอารมณ์ กิเลสไม่แซก เรียกว่ามีสติ ประโยชน์ ใช้คุมตัวเอง ดูแลตัวเอง
ส่วนตัวเราสลายมันทุกธาตุจนเห็นกายดับสูญ บ้างก็ลมก่อนก็ให้เห็นอากาศธาตุนี้แคบลงจากนั้นดินและน้ำก็แคบลง บ้างก็น้ำก่อนก็เห็นดินนี้เหี่ยวแห่งผุพังสลายไป
วันที่ 25/2/58 ตรงกับวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๔ เวลา 07.25 น. โดยประมาณ
เราได้รับพระเกศาธาตุและพระร็อคเก็ต จาก หลวงปู่บุญกู้ อนุวัฑฒโน พร้อมได้ให้หลวงปู่อธิษฐานจิตพระผงรูปเหมือนหลวงปู่ซึ่งอีกด้ายเป็นพระอุปคุตเถระ และ เหรียญครูอุปัชฌาย์องค์แรกของเรา คือ หลวงปู่นิล มหันตปัญโญ (พระครูโกศลสมณะกิจ) วัดป่าโกศลประชานิระมิต อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น
โดย..เราได้บอกกับหลวงปู่ว่า "ด้วยพระผงองค์ที่นำมาให้หลวงปู่ให้อธิษฐานจิตให้ ทำให้ผมออกตามหาหลวงปู่บุญกู้ อนุวัฑฒโน ใช้เวลาอยู่พอควร ถ้าจำไม่ผิดก็ตั้งแต่ประมาณช่วงกรกฏาคม-สิงหาคม ปี 57 จนได้มาเจอหลวงปู่เมื่อประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม ปี 57 และ มาขอกรรมฐานจากหลวงปู่ประจำจนมีโอกาสที่หลวงปู่รับผมเป็นลูกศิษย์เมื่อวันที่ 12/2/58 ที่ผ่านมานี้เองครับ"
(ซึ่งในพระผงเขียนว่าวัดอโสการาม สมุทรปราการ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ. ทำให้เราคิดว่าหลวงปู่อยู่ที่ จ.สมุทรปราการ จึงได้ตัดใจไป จนได้ดูทางอินเตอร์เน็ตจึงรู้ว่าหลวงปู่ได้จำวัดอยู่ ณ วัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร. จึงได้ออกตามท่าน ซึ่งเมื่อเดือนแรกก็ไม่เคยเจอท่าน เนื่องจากท่านจะได้รับนิมนต์ประจำและฉันข้าวมื้อเดียว แต่พระในวัดก็บอกว่าหลวงปู่ยังดำรงขันธ์อยู่ อยู่ที่ กุฏิ ๘ จึงได้มาหาท่านจนเจอ)
หลวงปู่ได้กล่าวตอบกับเราว่า "ดีๆๆ ดีแล้ว ดีๆ ดีมากๆ ดีแล้ว พร้อมพยักหน้ายิ่ม" จากนั้นหลวงปู่ก็นำดอกไม้ที่ญาตโยมนำมาถวายใส่บาตและนำกล่องใส่ผอบและพระเครื่องเราขึ้นไปบนกุฏิด้วย จากนั้นอีกประมาณ 1 ชม. เมื่อหลวงปู่ก็ลงมาจากกุฏิ ญาติโยมก็มาถวายภัตราหารเช้าแก่หลวงปู่เมื่อเขาถวายเสร็จหลวงปู่ก็เรียกเราเข้าไปเอากล้อง ในกล่องมีทั้งพระเกศาธาตุ พระผง และหลวงปู่ได้มอบล็อคเก็ตรูปหลวงปู่เลี่ยมทองให้แก่เรา เราเป็นปลื้มตื้นตันมาก ความฟุ้งไรๆไม่มี มีแต่จิตยินดีที่โลดแล่น จนเข้าใจถึงลิงที่ถวายรังผึ้งให้แก่พระพุทธเจ้าแล้วเกิดปิติยินดีกระโดดโลดแล่นแล้วก็ตายในที่สุดแล้วก็ไปจุติบนสวรรค์ นี่มันเป็นอย่างนี้เลยอารมณ์นี้ ซึ่ง
ครั้งที่ ๑ ที่เป็นแบบนี้คือ เมื่อได้พระบรมสารีริกธาตุ จากพระอาจารย์สามารถที่วัดอนงค์คาราม ตอนไปทำบุญให้ อาก๋ง-อาม่า เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2557 ครั้งนั้นเมื่อนั่งสมาธิก็เห็นพระพุทธเจ้ามาตรัสสอนกรรมฐานทั้ง ๔๐ เมื่อนอนหลับก็ฝันเห็นพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์มาสอนกรรมฐานอยู่ 3 วัน 3 คืน จนเราได้อธิษฐานต่อรูปพระตถาคตที่เขาถ่านติดที่ใต้ต้นโพธิ์ว่า พระตถาคต ขอโปรดพอก่อนๆ ผมตามไม่ทันแล้ว จากนั้นก็ไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์อีกเลย จนต่อเมื่อเราเกิดความหลงตนจึงได้เห็นหลวงปู่ฤๅษีลิงดำ มาสั่งสอนและทลายความลูบคลำทิฐิตน จนละมานะทิฐินั้นได้
ครั้งที่ ๒ ที่เป็นแบบนี้คือ เมื่อได้รับพระบรมสารีริกธาตุจากครูบาแก๊บ และ เกศาธาตุของหลวงพ่อเสถียร
ครั้งที่ ๓ ที่เป็นแบบนี้คือ เมื่อได้ฟังธรรมที่ทางพ้นทุกข์โดยแยบคายจาก หลวงพ่อเสถียร
ครั้งที่ ๔ ที่เป็นแบบนี้คือ เมื่อหลวงปู่บุญกู้ อธิษฐานจิตและลงยันต์พระท่านพ่อลี ธัมมะธะโร ให้เรา และ มอบพระเครื่องบูชาและหนังสือธรรมมะแก่เราเรื่อยๆ
ครั้งที่ ๕ ที่เป็นแบบนี้คือ เมื่อหลวงปู่บุญกู้ รับเราเป็นลูกศิษย์
ครั้งที่ ๖ ที่เป็นแบบนี้คือ เมื่อหลวงปู่บุญกู้ มอบเกศาธาตุ และ ร็อคเก๊ตเลี่ยมทองรูปหลวงปู่บุญกู้ อนุวัฑฒโน และ อธิษฐานจิตพระผงรูปเหมือนท่านให้แก่เรา
นี่ขนาดพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้ายังอานิสงส์มากขนาดนี้ ถ้าเป็นพระพุทธเจ้ามอบให้โดยตรงทั้งธรรมและเกศาธาตุนั้นจะยังความสุขปานใด ดังนั้นนี่บ่งบอกให้เห็นเลยว่า เราควรมีพละ ๕ เป็นอันมาก โดยตั้งที่ศรัทธาให้เป็นกำลังก่อนเลย ศรัทธามีลักษณะตามไป น้อมไป ดังนี้.. ดั่งพระนาคเสนกล่าวสอนแก่พระเจ้ามิลินฉันนั้น
และ วันนี้ก็ได้เจอพระอาจารย์บุญเลิศ ผู้ที่ไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมยุต ที่ออสเตเรีย และ ได้ทนฟันฟ่าโดยตัวท่างเองเพียงองค์เดียว จนสามารถสร้างวัดและออกบิณฑบาตที่ออสเตเรียได้ (ออสเตเรียมีกฏหมายห้ามบิณฑบาต และ พระห้ามดูแลวัดเอง ให้แต่โยมเท่านั้นดูแลให้ แต่ท่านก็มีสัจจะและใจเด็ดเดี่ยวได้เผยแพร่พระธรรมจนสามารถสร้างวัดโดยตัวท่านเองและบิณฑบาตได้ที่ออสเตเรีย)