เหตุและผลที่ต้องทำเหตุให้ดี ทำเหตุให้มาก และ ความปลงใจเห็นทุกข์ในโลก
พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าโดยมากในยุคปัจจุบันนี้ ย่อมเทศนาชี้แนะดังนี้ว่า
จริงๆแล้วคนเราอาศัยของเก่ามา เป็นเหตุปัจจัยให้ได้รับผลกรรมจากสิ่งที่ทำในอดีตนั้นมาสู่ปัจจุบัน
- หากของเก่าทำทานมาดีจึงมีฐานะบ้าง รวยบ้าง มีเงินใช้จ่ายมากมาย มีบริวารมาก
- หากทำในศีลก็มีรูปร่างหน้าตาที่หมดจรดงดงาม ผิวพรรณดี อายุยืน ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน
- หากทำจิตภาวนามาดี ก็มีสติปัญญามาก เป็นคนฉลาดหลักแหลม
- แต่จะมีสิ่งใดมากน้อยก็ตามแต่ของเก่าที่สะสมมา
หลวงปู่บุญกู้ อนุวัฑฒโน ท่านสอนผมดังนี้ว่า เราเกิดมาชาตินี้ เพื่อทำของเก่าให้มันดี หากไม่เสริมของเก่าให้ดีก็มีแต่วันหมดไป ซึ่งคนเราที่เกิดมาย่อมจำแนกได้ดังนี้ว่า
- มาสว่าง ไปสว่าง
- มาสว่าง ไปมืด
- มามืด ไปสว่าง
- มามืด ไปมืด
- มาสว่าง
ก็คือ เกิดมามีของเก่าสะสมมาดีก็เจริญด้วย โภคทรัพย์สมบัติ ร่ำรวยอยู่สบาย มีบริวารดี มีหน้าตาดีงดงาม ฉลาดหลักแหลม ทำอะไรก็มีโอกาสดีประสบโชคลาภดีงาม
- มามืด
ก็คือ เกิดมายากจนข้นแค้น นีหน้าขี้เหร่ หรือ พิการ โง่ไม่มีปัญญาไหวพริบ ทำอะไรก็ติดขัดลำบากไม่มีโชค ไม่มีลาภ มีแต่ความสะดุด ผิดที่ ผิดกาล ไม่เจริญ
1. คนมาสว่างไปมืด
ก็คือ คนที่มีของเก่ามาดี แต่ไม่สร้างไม่สั่งสมต่อให้มันดียิ่งๆขึ้น ก็พอใช้บุญเก่าจดหมด ชีวิตก็เริ่มย่ำแย่ เกิดไปชาติหน้าก็มืดมน หรือแม้ปัจจุบันจะทำทั้งบุญและบาปคละเคล้ากันไปแค่บุญบาปที่ทำเสมอกันก็ไม่ส่งผล ก็มีแต่ระรอวันให้บุญเก่านี้ค่อยหมดไปเรื่อยๆ สุขบายแค่ในตอนนี้ แต่ลำบากในภายภาคหน้า ชาติหน้า ภพหน้า
2. คนมาสว่างไปสว่าง
ก็คือ คนที่มีของเก่ามาดี มาชาตินี้ก็ทำของเก่าให้มันดียิ่งขึ้นเป็นกำไรชีวิต ยังสั่งสมให้ของเก่ามันดีจนเต็ม ก็เป็นบารมี มีทั้งโภคทรัพย์สมบัติภายนอกและโภคทรัพย์สมบัติในภายใน จะชาตินี้ชาติหน้าก็ดี ภพนี้ภพหน้าก็ดี รอแต่วันที่อิ่มแล้วไปถึงพระนิพพาน
3. คนมามืดไปสว่าง
ก็คือ คนที่มีของเก่ามาไม่ดี ยากจนค้นแค้นลำบาก ทำอะไรก็ติดขัด ไม่ถูกที่ ไม่ถูกกาล ไม่ถูกเวลา ไม่ถูกทาง ยังความฉิบหายให้เกิดมีขึ้นอยู่ประจำๆตลอดเวลา แต่เพียรละอกุศลธรรมทั้งปวง ตั้งมั่นในกุศลธรรมทั้งปวง มีศีล ทาน ภาวนา ตั้งมั่นความดีไม่ย่อท้อ แม้เจอเรื่องร้ายๆหรือทำแล้วติดขัดติดปัญหา ไม่ร่ำรวย งดงาม ไม่มีปัญญาเหมือนเขา ไม่มีโอกาสดีๆในทุกๆเรื่อง ประสบแต่สิ่งร้ายๆ แต่ก็มีจิตตั้งมั่นไม่เสื่อมศรัทธาในกุศล ตั้งมั่นสะสมใน ศรัทธา ศีล ทาน วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ท่านเรียกว่าทำของเก่าให้มันดี แม้ปัจจุบันจะลำบากแค้น แต่ไปภายหน้าจะสุขสบายไม่มีทุกข์ ถึงแม้ชาตินี้ทั้งชาติจะลำบาก แต่ก็เป้นผู้อยู่โดยไม่มีทุกข์ เป็นผู้ที่ทุกข์หยั่งไม่ถึง แม้ไม่มีโภคทรัพย์สมบัติภายนอก แต่อัดเต็มไว้ด้วยโภคทรัพย์สมบัติในภายใน ไปชาติหน้า ภพหน้าก็สุขสบาย ร่ำรวยมีบริวารมาก มีหน้าตางดงามผิวพรรณดี มีสติปัญญาดี
4. คนมามืดไปมืด
ก็คือ คนที่มีของเก่ามาไม่ดี ยากจนค้นแค้นลำบาก ทำอะไรก็ติดขัด ไม่ถูกที่ ไม่ถูกกาล ไม่ถูกเวลา ไม่ถูกทาง ยังความฉิบหายให้เกิดมีขึ้นอยู่ประจำๆตลอดเวลา แล้วยังทำชั่วทำบาปสร้างเวรกรรมสืบไป ทำแต่ความเบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น มีแต่ความประสงค์ร้ายต่อผู้อื่น มีความตระหนี่ขี้เหนียว เพ่งเล็งแต่สิ่งอันเป็นที่รักที่มีค่าของผู้อื่น ไม่ใช่ปัญญาแก่ไขปัญหา ใช้แต่อารมณ์ ใช้กำลัง ไม่สร้างบุญกุศลเพิ่ม มีแต่อกุศลบารมีสะสมทับถมไม่สิ้นสุด แม้ชาตินี้ในปัจจุบนหรือภายหน้า หรือชาติหน้า หรือภพหน้าก็มีแตต่ความลำบากฉิบหาย เกิดมายากจนค้นแค้น พิการ ไม่มีดีทั้งในปัจจุบันและกาลในภายหน้า
ท่านจึงสอนอยู่เสมอดังนี้ว่า
- สุขทางโลก มันอาศัยยึดเอาสิ่งไม่เที่ยงมาเป็นสุขของมัน สุขชั่วคราวก็หมดไป อยู่ได้นานสุดแค่หมดลมหายใจ ตายไปก็เอาไปด้วยไม่ได้ ...ส่วนสุขทางธรรม คือ ความฉลาดในการปล่อยวาง ทำบุญกุศล สิ่งนี้มันจะติดตามเราไปตลอดทุกชาติทุกที่ทุกหนทุกแห่ง
- สุขทางโลก นี้มันสุขจริง แต่สุขแล้วก็ค่อยๆทุกข์ไปหน้า ทุกข์จากความแสวงหาเสพย์ในสิ่งไม่เที่ยงบ้าง แม้เมื่อได้เสพย์สมดั่งใจแต่พอสุขนั้นดับไปก็ดิ้นรนทุรนทุรายแสวงมามันมาเสพย์ให้ได้อีกบ้าง ทุกข์เพราะไม่สมปารถนาบ้าง ทุกข์เพราะประสบในสิ่งอันไม่เป็นที่รักบ้าง ทุกข์เพราะความพรัดพรากบ้าง ...ส่วนสุขทางธรรม นี่มันอมตะสุข มันยากลำบากในตอนแรกที่เจริญ ต้องใช้กำลังศรัทธาที่แน่วแน่ ตั้งในกุศล ศีล ทาน ภาวนา มีกำลังความเพียรอย่างมากไม่ย่อท้อ ตั้งมั่นสั่งสมกำลังสติ ตั้งมั่นสั่งสมกำลังสมาธิ ตั้งมั่นสั่งสมกำลังปัญญา จะลำบายากเย็นเท่าไหร่ก็ไม่ท้อถอย มีแต่ต้องสู้และแน่วแน่เท่านั้น แต่เมื่อทำเหตุนี้ๆให้ดีมีกำลังแล้ว มันก็อิ่มเต็มกำลังใจ มันสุขด้วยตัวของมันเอง สุขจากความปล่อยวาง จะไปที่ใดก็เป็นสุขอิ่มเอม สงบร่มเย็น ไม่มีทุกข์ ไม่หวาดระแวง ไม่หวาดกลัว ไม่เร่าร้อน ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ถูกโลภะ ราคะ โทสะ โมหะกลุ้มรุม ไม่เกรงกลัวความตาย..เพราะแม้จะตายจากโลกนี้ไป ก็ได้ไปเสวยสุขในสุคติภูมิเป็นเทพบุตร เทพธิดา ไปชั้นจาตุมมหาราชิกา ชั้นดุสิต ชั้นพรหมเป็นต้น เกิดชาติหน้าก็มีครบพร้อมซึ่งรูปร่างหน้าตา โภคทรัพย์สมบัติบริวาร และ สติปัญญา เมื่อเสร็จกิจสิ้นสังโยชน์ก็ไม่ต้องมาทนทุกข์ิอีกชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้วก้ไปเสวยสุขบนแดนนิพพาน
ฐานะ เงินทอง หน้าที่การงาน ยศ ทั้งหลาย อยู่ในนานสุดก็แค่หมดลมหายใจเรา เมื่อตายไปแล้วก็เอาสิ่งใดติดตามไปไม่ได้
แม้กายเรานี้ คือ ขันธ์ ๕ ก็ต้องเป็นอนัตตาต่อเรา คือ ตายไปก็ไม่มีตัวตนต่อเราอีก แม้เราเองก็ไม่มีตัวตนต่อขันธ์ ๕ เมื่อตายไปก็ไม่มีเราอยู่ในขันธ์ ๕ แล้ว เราก็เป็นอนัตตาแก่ขันธ์ ๕ ขนาด ขันธ์ ๕ ที่เราเอามโน คือ ใจเข้ายึดครองอยู่นี้มันยังไม่มีตัวตนต่อเรา ขนาดเราที่ยึดครองอาศัยขันธ์ ๕ อยู่นี้ก็ไม่อาจจะอยู่ยั่งยืนนานกับมันได้ เมื่อตายแล้วจิตที่เข้ายึดครองขันธ์ ๕ เหล่านี้ก็ไม่มีอีก ไม่มีตัวตนของเราในขันธ์ ๕ แล้วจะนับปะสาอะไรกับสิ่งภายนอกที่เราแสวงหาอยู่นั้นๆว่าเป็นตัวตนต่อเราหรือใครได้ แม้ได้ยึดครองมาก๋็อยู่ไม่ยั่งยืนนาน สุดท้ายก็ต้องสูญไป ไม่คงอยู่อีก ไม่มีตัวตนต่อกันอีก "ไม่มีขันธ์ในเรา เราไม่มีในขันธ์ ไม่มีตัวตนต่อกันและกัน"
ทุกวันนี้เราแสวงหาอยู่กับที่ไม่เที่ยง เอาความสุขสำเร็จไปผูกขึ้นไปว้กับสิ่งไม่เที่ยงทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ล้วนไม่เที่ยงทั้งนั้น แต่เราเอาความสุขสำเร็จของเราเข้าไปยึดครองสิ่งไม่เที่ยงเหล่านั้นว่าเป็นความสุขตน เป็นความสำเร็จตน สุดท้ายก็ต้องพรัดพราก ไม่ด้วยกาลเวลา ก็สภาพแวดล้อม ไม่ด้วยการดูแลรักษา ก็สภาวะความปรุงแต่งแปรปรวนในภายใน และความตายในที่สุด บังคับให้เป็นดั่งใจไม่ได้ ฉุดรั้งจับต้องให้เป็นดั่งใจไม่ได้ เพราะไม่มีตัวตน
เมื่อตายไปแล้วก็มีแต่บุญกับบาปที่ติดตามเราไป หากทำกุศลมาเยอะก็เป็นกำไรชีวิตสืบต่อไปในภพหน้าชาติหน้า หากทำอกุศลกรรมมาเยอะกรรมนั้นก็ติดตามให้ขาดทุนสูญเสีย ล่มสลายในเหตุบารมีในภายหน้า ชาติหน้า ภพหน้า คนเราอายุมากสุดก็แค่ 100 ปี จะต้องรอให้ถึง 100 ปีก่อนจึงจะค่อยมาสะสมเสบียงไว้เลี้ยงตนในภายหน้าอย่างนั้นหรือ ถ้าทำเช่นนั้นเวลาคงไม่พอที่จะทำอะไรได้ ดังนั้นเวลาที่มีอยู่นี้เราควรที่จะค่อยๆทำไปสะสมกุศล เจริญใน ศีล ทาน ภาวนาไปเรื่อย มีทานก็ได้กำไรเหนือความโลภ มีศีลก็ได้กำไรเหนือโทสะ มีภาวนาก็ได้กำไรเหนือความโง่ ความลุ่มหลง ทำชาตินี้หากมีกำลังมากก็ได้ชาตินี้ด้วย ตายไปแล้วก็ติดตามไปในภพหน้าด้วย ท่านเรียกว่า นี่คือกำไรชีวิต ทำกำไรชีวิตให้กับตนเอง